Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ ใช้รูปแบบการศึกษาเชิงคุณภาพแบบชาติพันธุ์วรรณา เป็นการศึกษาเฉพาะกรณี และเป็นการวิจัยเชิงพรรณามีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจกับการจัดการในครอบครัวรูปแบบต่างๆ กับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นหญิงในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี กลุ่มตัวอย่างเป็นวัยรุ่นหญิงที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2- ปริญญาตรีอายุระหว่าง 14-18 ปีวิธีการเก็บข้อมูลรวบรวมจากการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก การสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์ผู้รู้การสนทนากลุ่มการศึกษาติดตามกรณีตัวอย่างและการศึกษาจากทะเบียนประวัติของนักเรียน-นักศึกษาใช้ระยะเวลาเก็บข้อมูล 7 เดือนผู้ให้ข้อมูลจำนวนทั้งหมด 17 ราย ผลการศึกษาพบว่าการจัดการในครอบครัวของวัยรุ่นหญิงมี 3 รูปแบบคือ 1) การจัดการในครอบครัวแบบตามใจ 2) การจัดการในครอบครัวแบบละเลยทอดทิ้ง 3) การจัดการในครอบครัวแบบบงการเข้มงวด ลักษณะการจัดการในครอบครัวที่พบมากที่สุด คือ การจัดการแบบตามใจ และลักษณะรูปแบบของครอบครัวที่พบ คือ ครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขยาย ครอบครัวพ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยว และครอบครัวที่พ่อและแม่เป็นเพศเดียวกัน (ครอบครัวเลสเบี้ยน) โดยครอบครัวพ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยว พบมากที่สุดส่วนพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นหญิง ผลการวิจัยพบว่ามีทั้งการมีเพศสัมพันธ์กับต่างเพศ รักร่วมเพศ การมีกิ๊ก การอยู่ก่อนแต่ง โดยจำนวนผู้ให้ข้อมูลที่มีเพศสัมพันธ์กับต่างเพศและรักร่วมเพศ ใกล้เคียงกัน คือ วัยรุ่นหญิงมีเพศสัมพันธ์กับต่างเพศร้อยละ 52.94 และ รักร่วมเพศร้อยละ 47.06 ส่วนพฤติกรรม การมี “กิ๊ก” วัยรุ่นหญิงทุกคนมีกิ๊กไม่ต่ำกว่า 2 คน อายุเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกต่ำสุด 13 ปี ช้าสุด 16 ปี อายุเฉลี่ย 14.30 ปี โดยวัยรุ่นหญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับคนรัก ไม่มีการใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน เหตุผลคือ เป็นการมีความสัมพันธ์กับคนรัก ความเชื่อใจคนรัก ไม่คิดว่าจะมีโรคติดต่อ การมีเพศสัมพันธ์เป็นการแสดงออกถึงความรัก เหตุผลที่ยินยอมมีเพศสัมพันธ์ เพราะ ความรักความใกล้ชิด ต้องการความรักความอบอุ่น ที่ขาดหายไปจากครอบครัวและต้องการตามใจคนรัก การศึกษาวิจัยได้อธิบายถึงทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งวัยรุ่นหญิงเชื่อว่าเป็นผลต่อเนื่องจากความรัก เป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย ไม่คาดคิดถึงการแต่งงาน
ผลการวิจัยนำไปสู่ข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นหญิงที่จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน สถาบันการศึกษา ภาครัฐ และองค์กรเอกชนทุกส่วนของสังคมควรตระหนักร่วมกัน โดยให้ความรู้ด้านเพศศึกษา การคบเพื่อน การรู้จักคุณค่าในตนเอง โดยเฉพาะการจัดการในครอบครัวด้วยความรักความเข้าใจการสื่อสารเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในครอบครัว จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนทัศนคติการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยในวัยเรียน