Abstract:
ภาวะโลกร้อน เป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวและบรรยากาศโลกสูงขึ้นกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในในภาวะปกติ ภาวะโลกร้อนเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศของโลก เกิดเป็นช่วง ๆ สลับภาวะโลกเย็น (ยุคน้ำแข็ง) จะเห็นว่าภาษาอังกฤษใช้คำว่า Global warming (การอุ่นขึ้นของโลก) แทนที่จะใช้คำว่า Global heating (การร้อนขึ้นของโลก) ดังนั้นภาวะโลกร้อน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่เกิดมาแล้วหลายครั้งในอดีต เมื่อประมาณ ๑๒๕,๐๐๐ ล้านปีที่ผ่านมา เคยเกิดสภาวะโลกร้อนเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน อุณหภูมิบริเวณขั้วโลกยุคนั้นสูงกว่าในปัจจุบัน ผลจากสภาวะโลกร้อนในครั้งนั้น ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง ๔-๖ เมตร หลักฐานจากธารน้ำแข็งมหึมาที่ชื่อว่าเอพิกา (EPICA) ในทวีปแอนตาร์กติก ระบุธารน้ำแข็งเอพิกามีอายุไม่ต่ำกว่า ๘๐๐,๐๐๐ ปี และผ่านยุคน้ำแข็งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๘ ครั้ง ระหว่างยุคน้ำแข็งแต่ละยุคเป็นช่วงเวลาที่โลกอบอุ่นขึ้น และธารน้ำแข็งหดตัวซึ่งเทียบได้กับช่วงเวลาปัจจุบันนี้ที่โลกอยู่ช่วงอบบอุ่น ธารน้ำแข็งละลาย ยุคน้ำแข็งยุคล่าสุดอยู่ในสมัยไพลส์โตซีน (Pleistocene Epoch) :ซึ่งผ่านมา ๑๑,๐๐๐ ปี ย้อนอดีตไปในยุคจูรัสสิก (Jurassic Period) เมื่อ ๑๘๐ ล้านปีมาแล้ว โลกประสบกับสภาวะโลกร้อนจากผลของก๊าซเรือนกระจกที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมาก อุณหภูมิในยุคนั้นสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไปถึง ๕ อุณหภูมิที่ร้อนขนาดนั้น ทำให้หินบนพื้นผิวโลกผุพังเร็วขึ้นอีก ๔ เท่าตัว การผุพังของหินทำให้คาร์บอนถูกกักเก็บไว้ในรูปของแคลไซต์ (Ca ) และ โดโลไมต์ (Dolomite) ปริมาณคาร์บอนในอากาศจึงค่อย ๆ ลดลงจนเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง ๑๕๐,๐๐๐ ปี ภาวะโลกร้อนอีกครั้งในสมัยพาลีซีน-อีโอซีน (Paleocene-Eocene epoch) เมื่อ ๕๕ ล้านปีที่ผ่านมา เกิดจากการมีเธนที่แตกตัวจากสารประกอบคลาเธรต (Clathrate) เป็นปริมาณมากเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ