Abstract:
วัตถุประสงค์: การศึกษาวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าของแรงงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเพื่อพัฒนาและเผยแพร่รูปแบบการส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้าของแรงงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
วัสดุและวิธีการ: การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ การสุ่มตัวอย่างแบบ ๒ ขั้นตอน ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่างจำนวน ๔๑๖ คน และการสนทนากลุ่มจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับแรงงานจำนวน ๒๐ คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามออนไลน์ ได้แก่ ข้อมูลด้านประชากรของแรงงาน ความรอบรู้สุขภาพเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้า และแบบวัดภาวะซึมเศร้า และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา โดยนำเสนอในรูปของวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพรรณนา การทดสอบไคสแคว์ การวิเคราะห์แบบ Multivariable logistic regression และการการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ซึ่งผลจากการศึกษาในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพได้นำไปพัฒนารูปแบบและคู่มือ “รอบรู้ สู้ ซึม (เศร้า)” และนำกลับไปให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประเมิน
ผลการศึกษา: แรงงานมีภาวะซึมเศร้าร้อยละ ๑๗.๑ ความสัมพันธ์ของปัจจัยกับภาวะซึมเศร้า พบว่า ตำแหน่งงานในปัจจุบัน (Adjusted odds ratio [ORadj] = ๗.๑๔) ระยะเวลาการใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่อวัน (ORadj = ๑.๘๗), ปัญหาหงุดหงิดว้าวุ่นใจหรือกระวนกระวาย (ORadj = ๕.๓๕) ไม่อยากพบปะผู้คน (ORadj = ๙.๑๒) และความรอบรู้ด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (ORadj = ๒.๔๑) มีความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<๐.๐๕) จากการสนทนากลุ่มพบว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยังคงสับสนระหว่างความเครียดกับภาวะซึมเศร้า สื่อสังคมออนไลน์ถูกนำมาใช้เพื่อการทำงานเท่านั้น คู่มือ รอบรู้ สู้ “ซึม (เศร้า)” และรูปแบบการส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้าของแรงงานถูกพัฒนาขึ้นจากการสนทนากลุ่ม ซึ่งผลการประเมินโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพบว่ามีความน่าสนใจและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
ข้อเสนอแนะ: สื่อสังคมออนไลน์และความรอบรู้สุขภาพเป็นปัจจัยที่สำคัญในป้องกันภาวะซึมเศร้าในแรงงาน อย่างไรก็ตามจึงมีความตำเป็นที่จะพัฒนารูปแบบการส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้าของแรงงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจาก ๒ ปัจจัยดังกล่าวข้างต้น