Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของบุคลากรด้านการศึกษาที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และ เพื่อทดสอบประสิทธิผลของ โปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของบุคลากรด้านการศึกษาที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก แบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการการศึกษาสถานการณ์ปัญหาในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของบุคลากร ด้านการศึกษาที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในระยะนี้ คือ บุคลากรทางการศึกษา จำนวน 370 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เป็นแบบสอบถาม ระยะที่ 2 พัฒนาโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของบุคลากรด้านการศึกษาที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในระยะนี้ คือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวน 56 คน โดยการคัดเลือกแบบเจาะจง ดำเนินการวิจัยด้วยวิธีการสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต และประเมินความเหมาะสมของโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของบุคลากรด้านการศึกษาที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยการใช้แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ ระยะที่ 3 ทดสอบประสิทธิผลโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของบุคลากรด้านการศึกษาที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยใช้การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง จำนวนทั้งสิ้น 24 สัปดาห์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิผลของโปรแกรม คือ ครู ครูผู้ช่วย และครูอัตราจ้างที่สอนอยู่ในโรงเรียนในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเรื้อรัง คือโรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือ โรคความดันโลหิตสูง หรือ ผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง และยินดีเข้าร่วมการวิจัยครั้งนี้ จำนวน 69 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย โปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพข และ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยด้วยสถิติ Paired t-test และ One way repeated Anova ผลการศึกษา การศึกษาระยะที่ 1 พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับดีร้อยละ 62.40 ร้อยละ 80.00 มีพฤติกรรมการจัดการด้านการรับประทานอาหารอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 65.70 มีพฤติกรรมการจัดการด้านการออกกำลังกายในระดับปานกลาง ร้อยละ 47.80 มีความรู้เรื่องการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารอยูในระดับดี ร้อยละ 74.90 มีการรับรู้ระดับความเครียดในระดับปานกลาง การศึกษาระยะที่ 2 การพัฒนาโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ พบว่าโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลักที่สำคัญคือ ดังนี้ 1) แผนงานและกลยุทธ์ 2) การค้นหาและประเมินปัจจัยเสี่ยง 3) การเสริมสร้างสมรรถนะของบุคคลและการพัฒนาระบบการจัดการปัญหา และองค์ประกอบที่ 4) การมีส่วนร่วมของผู้บริหารของโรงเรียนและ บุคลากรทางการศึกษา การศึกษาระยะที่ 3 เมื่อทดสอบประสิทธิผลของโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ พบว่า ภายหลังการดำเนินกิจกรรมเสร็จสิ้นในสัปดาห์ที่ 24 กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยการรับรู้ภาวะสุขภาพ คุณภาพชีวิต พฤติกรรมการรับประทานอาหาร และ พฤติกรรมการออกกำลังกาย เพิ่มสูงขึ้น และ มีค่าเฉลี่ยการรับรู้ความเครียดลดลง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p<0.05 สำหรับค่าเฉลี่ยของไขมันคลอเรสเตอรอล ไขมัน LDL และระดับน้ำตาลในเลือด ลดลง และมี ค่าเฉลี่ยของไขมัน HDL เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p<0.05 จากผลการศึกษาจะเห็นได้ว่าโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ สามารถเพิ่มการรับรู้ภาวะสุขภาพ คุณภาพชีวิต พฤติกรรมการรับประทานอาหาร พฤติกรรมการออกกำลังกาย และ ไขมัน HDLและสามารถลดการรับรู้ความเครียด ลด ค่าเฉลี่ยของไขมันคลอเรสเตอรอล ไขมัน LDL และระดับน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้น ผู้ให้บริการสุขภาพควรนำโปรแกรมการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ และสามารถปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนในพื้นที่นั้น ๆ ต่อไป