DSpace Repository

ผลของการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวต่อความหนาตัว การทำงานของกล้ามเนื้อหลังและการทรงตัวในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างเรื้อรังแบบไม่จำเพาะเจาะจง

Show simple item record

dc.contributor.author ภูริชญา วีระศิริรัตน์
dc.contributor.author พรพิมล เหมือนใจ
dc.contributor.author จันทร์ทิพย์ นามสว่าง
dc.contributor.author ณัฐศุภา สิงหสุต
dc.contributor.author ศิริรัตน์ เกียรติกูลานุสรณ์
dc.contributor.author อรชร บุญลา
dc.contributor.author นงนุช ล่วงพ้น
dc.contributor.author กุลธิดา กล้ารอด
dc.contributor.author คุณาวุฒิ วรรณจักร
dc.contributor.author พิมลพรรณ ทวีการ
dc.date.accessioned 2025-10-26T11:39:48Z
dc.date.available 2025-10-26T11:39:48Z
dc.date.issued 2567
dc.identifier.uri https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17510
dc.description ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัย ประเภทเงินรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.description.abstract การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการฝึกการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการออกกำลังกายแกนกลางลำตัวกับการออกกำลังกายแกนกลางลำตัวปกติต่อความหนาตัวของกล้ามเนื้อ การทำงานของกล้ามเนื้อและการทรงตัวในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างเรื้อรังแบบไม่จำเพาะเจาะจง โดยอาสาสมัครที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง เรื้อรังแบบไม่จำเพาะเจาะจง จำนวน 38 คน ถูกลุ่มแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 19 คน ได้แก่ กลุ่มที่ฝึกด้วยการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และกลุ่มที่ฝึกการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ทำการฝึก 3 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ประเมินผลด้วยการวัดการทำงานของกล้ามเนื้อ ความหนาตัวของ กล้ามเนื้อ การทรงตัว และภาวะทุพพลภาพ ก่อนการรักษาและหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 และ 6 ผลการศึกษาพบว่า เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างภายในกลุ่ม กลุ่มที่ได้รับการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวหลังการติดตามผลที่ 4 สัปดาห์ และ 6 สัปดาห์ มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของการทำงานกล้ามเนื้อ และ ความหนาตัวของกล้ามเนื้อขณะพัก และหดตัวของกล้ามเนื้อ Transversus abdominis, Multifidus และ Gluteus maximus การทรงตัวขณะยืนแบบ weight bearing และภาวะทุพพลภาพที่ลดลง (P-0.05) อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มที่ได้รับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวพบวความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของการทำงานกล้ามเนื้อ multifidus ที่การติดตามผลที่ 4 และ 6 สัปดาห์ และพบความหนาตัวของกล้ามเนื้อขณะพักของ Transversus abdominis, Multifidus และ Gluteus maximus และพบขณะหดตัวของกล้ามเนื้อ Transversus abdominis ที่การติดตามผล 4 สัปดาห์ นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม พบว่ากลุ่มที่ฝึกด้วยการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวมีค่าตัวแปรทุกตัวดีขึ้นแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติมากกว่ากลุ่มที่ได้รับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเพียงอย่างเดียว การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการฝึกด้วยการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวมีประสิทธิภาพในการเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อ ความหนาตัวของกล้ามเนื้อ การ ทรงตัว และภาวะทุพพลภาพ หลังการออกกำลังกายเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ดังนั้นการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยนักกายภาพบำบัดในการออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายในผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างเรื้อรังแบบไม่จำเพาะเจาะจงในอนาคตต่อไปได้ th_TH
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject กล้ามเนื้อ -- กายภาพบำบัด th_TH
dc.subject ปวดหลัง -- การรักษาด้วยการออกกำลังกาย th_TH
dc.subject ปวดหลัง th_TH
dc.title ผลของการจำกัดการไหลเวียนโลหิตร่วมกับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวต่อความหนาตัว การทำงานของกล้ามเนื้อหลังและการทรงตัวในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างเรื้อรังแบบไม่จำเพาะเจาะจง th_TH
dc.title.alternative Effects of blood flow restriction training with core stabilization exercises on thickness and activity of trunk muscles and balance in subjects with nonspecific chronic low back pain th_TH
dc.type Research th_TH
dc.year 2567 th_TH
dc.description.abstractalternative This study aimed to evaluate the effects of Blood flow restriction training (BFR) with core stabilization exercise (CSE) on muscle activity, muscle thickness, balance, and disability in subjects with Nonspecific chronic low back pain (NSCLBP). A total of 38 subjects with NSCLBP (male and female) participated in this study. They were randomly assigned either to the BFR+CSE (n=19) or the CSE group (n=19). The BFR+CSE group was applied with a cuff around the proximal thigh at 60-80% of arterial occlusion pressure. Both groups underwent a supervised rehabilitation 3 times weekly for 4 consecutive weeks. Before and after 4 intervention and follow up at 4-week and 6-week, muscle strength, balance, and disability were measured. The results demonstrated that BFR+CSE group showed significant differences within group improvement in Transversus abdominis (TrA), Multifidus (MF), and Gluteus maximus (Gmax) muscles activity, muscle thickness at rest and contraction, weight bearing balance, and disability (all P<0.05) at follow up 4 and 6 weeks. However, only significant increases in EMG activation of MF (P<0.05) at follow up at 4 and 6- weeks and muscle thickness in rest was observed for TrA, MF, and Gmax muscles (all, P<0.05) and only significant in TrA muscle thickness in contraction (P<0.05) at follow up. at 4 week.for the. CSE group. Additionally, the.BFR+CSE group exhibited superior benefits compared to the CSE group for all the variables examined above. The present finding indicated BFR+CSE over 4 appears to be more effective in. improving TrA, MF, and Gmax muscles activity, muscle thickness, weight bearing balance, and disability. This information could be alternative implications for physical therapist when designing exercise program. to improve in patient with NSCLBP. th_TH


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account