DSpace Repository

ความสามารถเก็บกักคลอไรด์และโครงสร้างโพรงของซีเมนต์เพสต์ผสมเถ้าลอย

Show simple item record

dc.contributor.author ทวีชัย สำราญวานิช
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะวิศวกรรมศาสตร์
dc.date.accessioned 2019-03-25T09:08:30Z
dc.date.available 2019-03-25T09:08:30Z
dc.date.issued 2558
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1624
dc.description.abstract งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาความสามารถเก็บกักคลอไรด์ของซีเมนต์เพสต์ที่ผสมเถ้าลอยแม่เมาะและเถ้าลอยจากระยอง (เถ้าลอย BLCP Hunter และเถ้าลอย BLCP Hunter Malavan) โดยใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 เป็นวัสดุประสานหลัก อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานที่ใช้เท่ากับ 0.40 และ 0.50 และอัตราส่วนการแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอยเท่ากับ 0.3 และ 0.50 ทำการแช่ตัวอย่างในน้ำเปล่าเป็นเวลา 28 และ 91 วัน จากนั้นไปแช่ในน้ำเกลือคลอไรด์เข้มข้น 5.0% โดยน้ำหนัก เป็นเวลา 91 วัน แล้วนำไปกดบีบอาสารละลายภายในโพรงช่องว่างของซีเมนต์เพสต์ด้วยวิธี Mercury Intrusion Porosimetry (MIP) โดยใช้อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานเท่ากับ 0.40 และ 0.50 และอัตราส่วนการแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอยเท่ากับ 0.30 และ 0.50 ทำการแช่ตัวอย่างในน้ำเปล่าเป็นเวลา 28 และ 91 วัน แล้วนำตัวอย่างมาวิเคราะห์เพื่อหาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยของโพรงช่องว่างและปริมาตรความพรุนทั้งหมดของซีเมนต์เพสต์ นอกจากนี้ได้ศึกษากำลังรับแรงอัดของซีเมนต์เพสต์ที่ใช้อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานเท่ากับ 0.4และ 0.5 และอัตราส่วนการแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอยเท่ากับ 0.30 และ 0.50 ทำการบ่มในน้ำเปล่าเป็นเวลา 28 และ 91 วัน จากผลการทดลองพบว่า เมื่อระยะเวลาการบ่มที่นานขึ้น ความสามารถเก็บกักคลอไรด์ของซีเมนต์เพสต์เพิ่มขึ้น แต่เมื่ออัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานและอัตราการแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอยมากขึ้น ส่งผลให้ความสามารถเก็บคลอไรด์ลดลง และเถ้าลอยที่มีความสามารถเก็บกักคลอไรด์สูงสุด คือ เถ้าลอย BLCP Hunter ในส่วนโครงสร้างโพรงช่องว่างของซีเมนต์เพสต์พบว่าเมื่อระยะเวลาการบ่มที่นานขึ้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยและความพรุนทั้งหมดของซีเมนต์ลดลง ซีเมนต์เพสต์ที่ใช้อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานสูงขึ้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยและความพรุนทั้งหมดของซีเมนต์เพสต์เพิ่มขึ้น และเมื่อใช้อัตราการแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอยเพิ่มขึ้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยและความพรุนทั้งหมดลดลง และเถ้าลอยที่ทำให้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยมีขนาดเล็กที่สุดคือเถ้าลอย BLCP Hunterส่วนกำลังรับแรงอัดของซีเมนต์เพสต์พบว่าการใช้อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานและอัตราการแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอยมากขึ้น ส่งผลให้กำลังรับแรงอัดของซีเมนต์เพสต์ลดลง และเมื่อระยะการบ่มนานขึ้น ทำให้กำลังรับแรงอัดของซีเมนต์เพสต์เพิ่มขึ้น สุดท้ายจากความสัมพันธ์ของผลการทดลองพบว่า เมื่อกำลังรับแรงอัดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสามารถเก็บกักคลอไรด์เพิ่มขึ้น และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยและความพรุนทั้งหมดลดลง th_TH
dc.description.sponsorship สนับสนุนโดยทุนอุดหนุนการวิจัยงบประมาณแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ 2556 สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ en
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject คลอไรด์ th_TH
dc.subject ซีเมนต์ th_TH
dc.subject เถ้าลอย th_TH
dc.subject สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย th_TH
dc.title ความสามารถเก็บกักคลอไรด์และโครงสร้างโพรงของซีเมนต์เพสต์ผสมเถ้าลอย th_TH
dc.title.alternative Chloride binding capacity and pore structure of cement paste with fly ash en
dc.type Research
dc.year 2558
dc.description.abstractalternative This research aims to study the chloride binding capacity of cement paste with Mae Mohfly ash and fly ash from Rayong (BLCP Hunter fly ash and BLCP Hunter Malavan fly ash) and use Portland cement type I as main binder. The water to binder ratio was 0.4 and 0.50. The replacement ratio of fly ash to binder was 0.30 and 0.50. The specimen was cured in water for 28 and 91 day, then submerged in salt water of 5% chloride concentration for 91 days. After that, specimen was pressed in order to get pore solution of cement pastes to determine the chloride content. In addition, pore structure of cement pastes was investigated by Mercury Intrusion Porosimetry (MIP) method. The water to binder ratio was 0.40 and 0.50. The replacement ratio of fly ash binder was 0.30 and 0.50. The specimen was cured in water for 28 and 91 days. Then, the average pope diameter and total porosity of cement paste was determined. Moreover, the compressive strength of cement paste with water to binder ratio was 0.40 and 0.50. The replacement ratio of fly ash to binder was 0.30 and 0.50. The specimen was cured in water for 28 and 91 days. From the experimentel results, it was found that longer curing period of cement pastes result in higher chloride binding capacity. When water to binder radio and fly ash to binder ratio increase, the chloride binding capacity of cement paste decreases. The highest chloride binding capacity of cement pastes is from BLCP Hunter fly ash. For the pore structure of cement pastes, it was found that longer curing period of cement paster result in lower average pore diameter and total porosity. Cement paste with higher water to binder ratio let in average pore diameter and total porosity. The replacement ratio of fly ash to binder have been increased, average pore diameter and total porosity of cement pastes decreased. The smallest average pore diameter of cement pastes is from BLCP Hunter fly ash. For the compressive strength of cement paste, it was found that the water to binder ratio and the replacement ratio of fly ash to binder is increased, the compressive strength decrease. Furthermore, when the curing period is longer, the compressive strength of cement paste increases. Finally, from the relationship of results, it was showed that when the compressive strength increases, the chloride binding capacity increases and the average pore diameter and total porosity decrease. en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account