Abstract:
หลังการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพเลวลงและอาจต้องนอนโรงพยาบาลบ่อยครั้งเนื่องจากความก้าวหน้าของโรคและภาวะแทรกซ้อน การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อการรับรู้ภาวะสุขภาพของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จำนวน 201 ราย ที่เข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยนอก เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ข้อมูลทั่วไป แบบประเมินการรับรู้ภาวะสุขภาพ แบบประเมินภาวะจิตใจและอารมณ์ แบบวัดภาวะซึมเศร้า แบบประเมินพฤติกรรมการจัดการภาวะเครียด แบบประเมินการรับรู้เกี่ยวกับความสามารถของตน แบบประเมินการปรับตัวเกี่ยวกับความเจ็บป่วย แบบประเมินพฤติกรรมการรับประทานอาหารเฉพาะโรค แบบประเมินพฤติกรรมการเคลื่อนไหวและออกกำลังกายและแบบประเมินการปฏิบัติตนตามแผนการรักษาและควบคุมปัจจัยเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสถิติการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษา พบว่า
1. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการรับรู้ภาวะสุขภาพ ได้แก่ความสามารถในการทำกิจกรรม (r = .494, p< .001) การปรับตัวเกี่ยวกับ
การเจ็บป่วย (r = .393, p< .001) ภาวะจิตใจและอารมณ์ (r = .378, p < .001) พฤติกรรมการรับประทานอาหารเฉพาะโรค (r = .331, p < .001) พฤติกรรมการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย (r = .389, p < .001) พฤติกรรมการจัดการความเครียด (r = .252, p < .001) และภาวะซึมเศร้า (r = -.342, p < .001) และพบว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ภาวะสุขภาพของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ได้แก่ ความสามารถในการทำกิจกรรม (Beta = .304, p< .001)
ภาวะจิตใจและอารมณ์ (Beta = .233, p< .001) และพฤติกรรมการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย (Beta = .230, p< .001) โดยร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของการรับรู้ภาวะสุขภาพได้ 32.8
2. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ การรับรู้ภาวะสุขภาพ (r = .349, p < .001) ความสามารถในการทำกิจกรรม (r = .365, p < .001) การปรับตัวเกี่ยวกับการเจ็บป่วย (r = .177, p < .006) ภาวะจิตใจและอารมณ์ (r = .604, p < .001) พฤติกรรมการปฏิบัติตนตามแผนการรักษาและควบคุมปัจจัยเสี่ยง (r = .138, p < .026) ภาวะซึมเศร้ามีความสัมพันธ์ทางลบกับคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
(r = -.548, p < .001) และพบว่าปัจจัยทำนายคุณภาพชีวิตของกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ภาวะจิตใจและอารมณ์ (Beta = .430, p < .001) และภาวะซึมเศร้า
(Beta = - .286,p <.001) โดยสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของความผาสุกได้ร้อยละ 41.6
ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยนี้ ไก้แก่ บุคลากรทางด้านสุขภาพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพัฒนาโปรแกรมเพื่อฟื้นฟูสุขภาพและป้องกันการกลับไปนอนโรงพยาบาล โดยเน้นให้ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมีความสามารถในการทำกิจกรรม สามารถปรับภาวะจิตใจและอารมณ์ และเพิ่มการเคลื่อนไหว
และการออกกำลังกาย