Abstract:
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาสภาพและสาเหตุของผู้ป่วยเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและภยันตรายที่มารับบริการยังแผนกอุบัติเหตุ-
ฉุกเฉิน ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยบูรพา
2. เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขสาเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและภยันตรายที่ มารับ
บริการยังแผนกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยบูรพา
วิธีดําเนินการวิจัย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ บันทึกประวัติผู้ป่วยนอกของผู้ป่วยเด็กที่มารับบริการยัง
แผนกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยบูรพา ตั้งแต่เดือน เมษายน 2548 ถึงเดือน
สิงหาคม 2548 และเป็นข้อมูลที่ผู้ปกครองยินยอมและสมัครใจในการให้ข้อมูลในการตอบแบบสอบถาม
เกี่ยวกับแนวทางป้องกันสาเหตุของผู้ป่วยเด็ก จํานวน 160 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จากประชากร
424 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัยเป็นแบบบันทึกสถานภาพและสาเหตุของความเจ็บป่วยจากการได้รับ
อุบัติเหตุและภยันตราย ซึ่งเป็นแบบบันทึกที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง มีข้อมูลเกี่ยวกับ 1) สถานภาพทั่วไปของผู้ป่วย
เด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและภยันตราย 2) สาเหตุของความเจ็บป่วยจากการได้รับอุบัติเหตุและภยันตราย 3)
ความคิดเห็นของผู้ปกครองเกี่ยวกับแนวทางป้องกันสาเหตุอุบัติเหตุและภยันตรายสําหรับเด็ก สถิติที่ใช้ในการ
วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัย
1. สาเหตุของความเจ็บป่วยเกิดจากการได้รับอุบัติเหตุและภยันตราย โดยรวมพบว่าสาเหตุของผู้ป่วยเด็กที่มา
รับบริการ มากที่สุด คือ การพลัดตกหกล้ม ชนกระแทก วัตถุหล่นใส่ หรือติดอยู่ระหว่างวัตถุ รองลงมา คือ
อุบัติเหตุการจราจรและอุบัติเหตุจากเครื่องมือ เครื่องจักร ของมีคมไม่ร้อน อันดับสามคือ อุบัติเหตุจากสุนัข
กัด
2. ความคิดเห็นของผู้ปกครองผู้ป่วยเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและภยันตรายเกี่ยวกับแนวทางป้องกันสาเหตุของการ
เกิดอุบัติเหตุและภยันตราย พบว่าความคิดเห็นมากที่สุด คือ การ ดูแลเด็กอย่าง ใกล้ชิด
ข้อเสนอแนะ
1. จากผลการศึกษาพบว่าอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม ชนกระแทก วัตถุหล่นใส่หรือติดอยู่ระหว่างวัตถุเป็น
สาเหตุที่เกิดอันดับหนึ่ง ในเด็กวัย 10-14 ปี และเกิดมากในช่วงเวลาเช้า จึงควรมีการวางแผนป้องกันอุบัติเหตุ
และให้ผู้เกี่ยวข้องดูแลอย่างใกล้ชิด
2. ควรประสานความร่วมมือกันระหว่างโรงเรียน ครอบครัว ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผน
ป้องกันอุบัติเหตุแก่เด็กอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
การนําไปใช้ประโยชน์
เป็นข้อมูลพื้นฐานให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งครอบครัว โรงเรียน สถานพยาบาล และหน่วยงานที่
เกี่ยวข้อง นํามาใช้ในการวางแผน เฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไขการเกิดอุบัติเหตุและภยันตรายกับเด็ก เพื่อลด
ความเสี่ยงที่เกิดกับร่างกาย การเสียเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว ชุมชน และสังคม