Abstract:
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการศึกษาผลของการสนับสนุนด้านข้อมูลและอารมณ์แก่ผู้คลอดต่อความวิตกกังวลของผู้คลอดก่อนเข้ารับการผ่าตัดคลอด
กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้คลอดที่เข้ารับการผ่าตัดคลอด ตามกําหนดนัด ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา จํานวน 40 ราย และยินยอมเข้าร่วมการวิจัย โดยแบ่งเป็นกลุ่มควบคุม 20 รายและกลุ่มทดลอง 20 ราย
จัดให้ทั้งสองกลุ่มมีลักษณะใกล้เคียงกันในเรื่องอายุ ประสบการณ์การผ่าตัดคลอด การฝากครรภ์พิเศษกับแพทย์ ในกลุ่มทดลองได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลและอารมณ์จากผู้วิจัย โดยผู้วิจัยจะเข้าไปสร้างสัมพันธภาพกับผู้คลอดที่รอเข้ารับการผ่าตัดคลอดที่หอผู้ป่วยและที่ห้องรอผ่าตัด มีการประเมินความพร้อม
ด้านร่างกายและจิตใจ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดคลอด เปิดโอกาสให้ผู้คลอดแสดงความรู้สึก ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลในรูปแบบเดิมของโรงพยาบาล เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามความวิตกกังวลขณะเผชิญของสปิลเบอร์เกอร์ (Spielberger, 1983) ชื่อว่า STAI Form Y วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยคะแนนความวิตกกังวลของผู้คลอดระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้สถิติที ( t-test)
ผลการวิจัย ค่าเฉลี่ยคะแนนความวิตกกังวลของผู้คลอดก่อนเข้ารับการผ่าตัดคลอดทั้งก่อนและหลังการทดลอง ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กล่าวคือกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มมีความวิตกกังวลก่อนการ
ทดลองอยู่ในระดับต่ํา จึงไม่พบการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ อารมณ์และพฤติกรรม แต่ในกลุ่มควบคุมค่าเฉลี่ย
คะแนนความวิตกกังวลของผู้คลอดก่อนเข้ารับการผ่าตัดคลอดหลังการทดลองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ
(p < .05) ส่วนค่าเฉลี่ยคะแนนความวิตกกังวลของผู้คลอดก่อนเข้ารับการผ่าตัดคลอดหลังการทดลองระหว่าง
กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ข้อเสนอแนะ
1. จากผลการวิจัยพบว่าการสนับสนุนด้านข้อมูลและอารมณ์แก่ผู้คลอดสามารถลดความวิตกกังวลก่อนเข้ารับ
การผ่าตัดได้ แม่จะไม่มากเทื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลและอารมณ์ แต่ ในการปฏิบัติการพยาบาล ทีมบุคลากรที่เกี่ยวข้องก็ควรให้การสนับสนุนด้านข้อมูลและอารมณ์แก่ผู้คลอดก่อนวันนัด
ผ่าตัดคลอดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบุคลากรในหน่วยบริการที่เกี่ยวข้องก็ควรได้รับการอบรมพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสําหรับการผ่าตัดคลอดด้วยเช่นกัน
2. ควรศึกษารูปแบบการสนับสนุนด้านข้อมูลและอารมณ์แก่ผู้คลอดในรายที่นัดมาโรงพยาบาลวันที่ทําผ่าตัด
คลอด
การนําไปใช้ประโยชน์
ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติของพยาบาลห้องผ่าตัดเพื่อเตรียมผู้คลอดให้มีความพร้อมทั้งทางร่ายกายและจิตใจก่อนเข้ารับการผ่าตัดคลอด