Abstract:
วัตถุประสงค์
1. พัฒนาเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เอง
2. เปรียบเทียบประสิทธิภาพของเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองกับเฝือกอ่อน
ดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปของบริษัท
วิธีดําเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) มีวัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองกับเฝือกอ่อน
ดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปของบริษัทที่ทดลองในห้องปฏิบัติการ 5 ด้าน ได้แก่ ระยะเวลาในการแข็งตัว
ของเฝือกอ่อนดามกระดูก การสูญเสียเนื้อปูนของเฝือกอ่อนดามกระดูกหลังชุบน้ํา น้ําหนักของเฝือก
อ่อนดามกระดูกหลังแข็งตัว ความร้อนที่เกิดขึ้นของเฝือกอ่อนดามกระดูกหลังชุบน้ํา และการรับแรง
กดของเฝือกอ่อนดามกระดูกหลังแข็งตัว ผู้วิจัยวางแผนประดิษฐ์เฝือกอ่อนโดยศึกษาความยาวและ
จํานวนชั้นของเฝือกอ่อน และเลือกใช้วัสดุทําเฝือกจากฟองน้ําแบบแผ่นชนิดบาง ผ้าสําลีสีขาวชนิด
บาง และเฝือกม้วน นําชิ้นทดสอบไปทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อหาค่าการรับแรงกด ด้วยวิธีทดสอบ
การแอ่นแบบกด 3 จุด (three-Point Bending Method) ด้วยเครื่องทดสอบคุณภาพ (Universal
Testing Machine) หลังจากที่ทดสอบจนเฝือกอ่อนมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเฝือกอ่อนของบริษัท
แล้วได้นําเฝือกมาทดลองใส่ในอาสาสมัครสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่อยู่ในระหว่างเจ็บป่วยจํานวน
10 ราย โดยศึกษาอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผิวหนังขณะใส่เฝือกอ่อนดามกระดูก และความ
พึงพอใจของผู้ใส่เฝือกอ่อนดามกระดูก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานและ T- test
ผลการวิจัย
1. ระยะเวลาในการแข็งตัวของเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองน้อยกว่า
จึงเป็นสิ่งที่ดีต่อผู้ป่วย เนื่องจากการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยขณะที่เฝือกปูนกําลังแข็งตัว จะทําให้เฝือก
เสียความแข็งแรงไปได้ถึงร้อยละ 77
2. เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองไม่มีการเย็บให้เฝือกอยู่ในตําแหน่ง
เดียวกันตามแนวความยาวเช่นเดียวกับของบริษัท จึงทําให้เนื้อปูนปลาสเตอร์ที่เกาะอยู่กับแถบผ้า
มีโอกาสหลุดร่วงออกมามากกว่าเนื้อปูนปลาสเตอร์ของเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปของบริษัท
3. เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองมีน้ําหนักเบากว่าของบริษัท ผู้ป่วยจึง
ไม่ต้องแบกรับน้ําหนักของเฝือกอ่อนดามกระดูกในการรักษาภาวะกระดูกหักหรือข้อเคลื่อนมากเกิน
ความจําเป็น
4. เนื่องจากฟองน้ําที่นํามาประดิษฐ์เป็นปลอกหุ้มมีความหนาและความหนาแน่นน้อยกว่า
จึงมีความสามารถในการเก็บกักความร้อนที่เกิดขึ้นได้น้อย อุณหภูมิที่วัดได้ในเฝือกอ่อนดามกระดูก
ชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองจึงสูงว่าเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปของบริษัท
5. การรับแรงกดของเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองหลังแข็งตัวน้อยกว่า
แรงกดของบริษัท ประมาณ 16.54 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นแรงที่เพียงพอสําหรับการใช้งานใน
ชีวิตประจําวันและสอดคล้องกับข้อมูลที่แพทย์ให้การตอบรับจากการใช้เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิด
สําเร็จรูปของบริษัทว่ามีความแข็งแรงเกินไป
6. อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผิวหนังของกลุ่มตัวอย่างขณะใส่เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิด
สําเร็จรูปประดิษฐ์เองมากกว่าของบริษัท เนื่องจากความหนาและความหนาแน่นของเนื้อฟองน้ําน้อย
กว่า จึงทําให้เฝือกกดลงบนผิวหนังโดยตรง จนมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ผิวหนังได้มากกว่า
7. ความพึงพอใจในภาพรวมของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อการใส่เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิด
สําเร็จรูปประดิษฐ์เองน้อยกว่าของบริษัท เนื่องจากอาสาสมัครส่วนใหญ่มีอาการข้างเคียงจากการใส่
เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองมากกว่าอาการข้างเคียงจากการใส่เฝือกอ่อนดาม
กระดูกชนิดสําเร็จรูปของบริษัท จึงให้คะแนนความพึงพอใจน้อยกว่า ซึ่งโดยรวมแล้วประสิทธิภาพของ
เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติในทุก
ๆ ด้าน แต่เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตต่ํากว่ามาก จึงสมควรนําไปใช้แทนการใช้เฝือกอ่อนดามกระดูก
ชนิดสําเร็จรูปของบริษัท
ข้อเสนอแนะ
1. ในการวิจัยครั้งนี้พบว่าอาสาสมัครมีอาการข้างเคียงจากการที่ผิวหนังขณะที่ใส่เฝือก เนื่องจาก
อาสาสมัครไม่ได้รับการบาดเจ็บจึงสามารถเคลื่อนไหวอวัยวะที่ใส่เฝือกอ่อนได้ทําให้ผิวหนังเสียดสีกับ
เฝือกอ่อนจนเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง หากนําหลักการในการประดิษฐ์เฝือกอ่อนมาใช้จริง ควร
พัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นการเพิ่มความหนาของฟองน้ําแบบแผ่นชนิดบางเพื่อช่วยเพิ่ม
การเก็บกักความร้อนได้ดีขึ้น ลดอาการข้างเคียงที่เกิดกับผิวหนัง ปรับรูปแบบการเย็บเพื่อยึดแผ่น
เฝือกให้อยู่คงที่ป้องกันการหลุดร่วง สูญเสียเนื้อปูน
2. ควรศึกษาประสิทธิภาพการใช้เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองกับผู้ป่วย
ที่จําเป็นต้องใส่เฝือกอ่อนดามกระดูกในขาหรือแขน เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการใช้งานเฝือกอ่อน
อย่างแท้จริง
การนําไปใช้ประโยชน์
เฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปประดิษฐ์เองนี้ ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้แทนเฝือกอ่อนดาม
กระดูกชนิดสําเร็จรูปที่สั่งซื้อจากบริษัท ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ป่วย และประหยัด
งบประมาณของโรงพยาบาลในการสั่งซื้อวัสดุทางการแพทย์ ได้มากกว่า 50 % โดยที่ยังคงประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลใกล้เคียงกับเฝือกอ่อนดามกระดูกชนิดสําเร็จรูปที่สั่งซื้อจากบริษัทสามารถประดิษฐ์ใช้ได้เองในโรงพยาบาลทั่วไป หรือปรับปรุงรูปแบบให้เหมาะสมต่อความต้องการของผู้ใช้ เช่น ผู้ป่วยเด็ก เป็นต้น