Abstract:
การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยแบบย้อนหลัง( Retrospective analytic cross sectional study) โดยศึกษาจากเอกสารเวชระเบียนผู้ป่วยเด็กอายุ 1-16 ปีที่ได้รับการทำอัตร้าซาวด์เนื่องจากสงสัยเป็นไส้ติ่งอักเสบ ตั้งแต่เดือน มกราคม พ.ศ. 2552 ถึง เดือน ธันวาคม พ.ศ.2555 การใหการวินิฉัยไส้ติ่งอักเสบ โดยอัลตร้าซาวด์เมื่อเส้นผ่าศูนย์กลางของไส้ติ่งมากกว่า 6 มิลลิเมตร ถ้าอัลตร้าซาวด์ไม่พบไส้ติ่งจะพิจารณาแยกออกเป็นอีกกลุ่ม นำผลอัลตร้าซาวด์มาเปรียบเทียบกับผลการผ่าตัด
และชิ้นเนื้อ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการผ่าตัดถือเอาการวินิจฉัยของแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยก่อนอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลเป็นเกณฑ์ และวิเคราะห์แยกกลุ่มย่อยเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้รับการผ่าตัด รวมถึงเด็กเล็ก (อายุ 1-10 ปี) กับเด็กโต (อายุ 11-16 ปี) กับระหว่างเพศ
ผลการวิจัย
อัลตร้าซาวด์พลไส้ติ่งใน 270/428 ราย (63.1 %) อัลตร้าซาวด์มีความไวในการวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบในกลุ่มเด็กโดยรวม 71.2% ( 95%CI:56.9%-82.9%) ความจำเพาะ 97.7% (95%CI:94.7%-99.3% ) ค่าพยากรณ์ผลบวก 88.1% (95%CI:74.4%-96.0%) ค่าพยากรณ์ผลลบ 93.4% ( 95%CI:89.4%-96.3%) ค่าความแม่นยำ 92.6% โดยมีค่า ROC เท่ากับ 0.84 ค่าความจำเพาะ ( 47.1% ) ค่าพยากรณ์ผลลบ ( 61.5% ) และความแม่นยำ ( ( 76.3% ) มีค่าน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในกลุ่มที่ได้รับการผ่าตัด ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภาพของอัลตร้าซาวด์ระหว่างเพศ หรือระหว่างกลุ่มเด็กเล็กกับเด็กโต ยกเว้นในกลุ่มเด็กเล็กจะมีค่าพยากรณ์ผลบวกต่ำกว่าเด็กโต
สรุปผลการวิจัย
อัลตร้าซาวด์มีประสิทธิภาพมากพอในการวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาในการวินิจฉัยจากประวัติและการตรวจร่างกาย ควรนำมาใช้เป็นอันดับแรกในการส่งตรวจทางรังสีวิทยา เพื่อช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากการวินิจฉัยล่าช้า ลดระยะการพักฟื้นในโรงพยาบาล และลดอัราการผ่าตัดที่ไม่จำเป็น