Abstract:
การวิจัยเรื่อง ปริมาณคลอไรด์วิกฤตในคอนกรีตสำหรับการเริ่มเกิดสนิมของเหล็กเสริม มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปริมาณคลอไรด์วิกฤติของคอนกรีตผสมเถ้าลอย ตะกรันเตาถลุงเหล็กและผงหินปูนที่ทำให้เหล้กเสริมในคอนกรีตเริมเกิดสนิม 2. เพื่อศึกษาปริมาณเถ้าลอย ตะกรันเตาถลุงเหล็ก และผงหินปูนที่ผสมเพิ่มในคอนกรีตที่ทำให้ระยะเวลาการเกิดสนิมของเหล็กในคอนกรีตนานขึ้น ขอบเขตของงานวิจัย ศึกษาปริมาณคลอไรด์ของคอนกรีตที่ใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลด์ประเภทที่ 1 ประเภทที่ 3 ประเภทที่ 5 และใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแสนด์ประเภทที่ 1 ใช้อัตราส่วนแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอยร้อยละ 30 และ 50 โดยน้ำหนัก และใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 ใช้อัตราส่วนแทนที่ด้วยวัสดุประสานด้วยตะกรันเตาถลุงเหล็ก ร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก ใช้เวลาในการบ่มคอนกรีต 7, 28 และ 56 วัน อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 40, 50 และ 60
จากการศึกษาปริมาณคลอไรด์วิกฤตของคอนกรีตที่ใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 ประเภทที่ 3 ประเภทที่ 5 และมีการแทนที่วัสดุประสานด้วยเถ้าลอย ตะกรันเตาถลุงเหล็ก และผงหินปูนอัตราส่วนน้ำต่อต่อวัสดุประสาน 0.40 0.50 และ 0.60 ระยะเวลาการบ่อมน้ำ 7 28 และ 56 วัน สามารถสรุปผลปริมาณคลอไรด์วิกฤตของคอนกรีตประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
ระยะเวลาการเริ่มเกิดสนิมของเหล็กเสริมในคอนกรีต
1. เมื่อใช้อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานที่สูงขึ้นจาก 0.40 ไปเป็น 0.50 และ 0.60 ทำให้ระยะเวลาการเริ่มเกิดสนิมสั้นลง
2. เมื่อเปรียบเทียบปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 3 และ 5 พบว่าระยะเวลาการเริ่มเกิดสนิมของปูนซีเมนต์ประเภทที่ 3 มีระยะการเกิดสนิมที่นานกว่าปูนซีเมนต์ประเภทที่ 1 และ 5 (อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสาน 0.50 และ 0.60)
3. เมื่อใช้ระยะเวลาการบ่มที่นานขึ้น ทำให้ระยะเวลาการเริ่มเกิดสนิมนานขึ้น และการบ่มในวัฏจักรเปียกตลิด มีระยะเวลาการเริ่มเกิดสนิมที่นานกว่าการบ่มในวัฏจักรเปียกสลับแห้ง
4. การแทนที่เถ้าลอยต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 30 มีระยะเวลาการเกิดสนิมนานกว่าการแทนที่เถ้าลอยต่อวัสดุประสาน ร่อยละ 50
5. การแทนที่ตกรันเตาถลุงเหล็กต่อวัสดุประสานร้อยละ 20 มีระยะเวลาการเริ่มเกิดสนิมนานกว่าคอนกรีตที่ใช้ปูนซีเมนต์ล้วน
ปริมาณคลอไรด์วิกฤตของคอนกรีต
1. เมื่อใช้อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานที่สูงขึ้นจาก 0.40 ไปเป็น 0.50 และ 0.60 ทำให้ปริมาณคลอไรด์วิกฤต มีค่าน้อยลง
2. เมื่อเปรียบเทียบปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 3 และ 5 พบว่าปริมาณคลอไรด์วิกฤตของปูนซีเมนต์ประเภทที่ 3 มีค่ามากกว่าปูนซีเมนต์ประเภทที่ 1 และ 5 (อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสาน 0.50 และ 0.60)
3. เมื่อใช้ระยะเวลาการบ่มที่นานขึ้น ทำให้ปริมาณคลอไรด์วิกฤตมีค่าสูงขึ้น และการบ่มในวัฏจักรเปียกตลอด มีปริมาณคลอไรด์วิกฤตมากกว่าการบ่มในวักจักรเปียกสลับแห้ง
4. การแทนที่เถ้าลอยต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 30 มีค่าปริมาณคลอไรด์วิกฤตมากกว่าการแทนที่เถ้าลอยต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 50
5. การแทนที่ตะกรันเตาถลุงเหล็กต่อวัสดุประสานร้อยละ 20 มีค่าปริมาณคลอไรด์วิกฤตมากกว่าคอนกรีตที่ใช้ปูนซีเมนต์ล้วน
กำลังรับแรงอัดคอนกรีต
1. เมื่อใช้อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานที่สูงขึ้นจาก 0.40 ไปเป็น 0.50 และ 0.60 ทำให้กำลังอัดมีค่าต่ำลง
2. เมื่อเปรียบเทียบปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 3 และ 5 พบว่ากำลังอัดของปูนซีเมนต์ประเภทที่ 3 มีค่ามากกว่าปูนซีเมนต์ประเภทที่ 1 และ 5
3. เมื่อใช้ระยะเวลาการบ่มที่นานขึ้น ทำให้กำลังอัดมีค่ามากสูงขึ้น และการแทนที่เถ้าลอยต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 30 มีกำลังอัดมากกว่าการแทนที่เถ้าลอยต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 50
4. การแทนที่ตะกรันเตาถลุงเหล็กต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 20 มีกำลังอัดน้อยกว่าซีเมนตืล้วนในช่วงระยะต้น และการแทนที่ตะกรันเตาถลุงเหล็กต่อวัสดุประสาน ร้อยละ 30 40 50 และ 70 ที่ 28 วัน มีค่ากำลังอัดมากกว่าซีเมนต์ล้วน