Abstract:
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการป้องกันการบาดเจ็บจากการทำงานแบบมีส่วนร่วมของแรงงานนอกระบบในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพแปรรูปปลาสลิดบางบ่อโดยการดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ ระยะที่ 1 สร้างรูปแบบขึ้นจากการศึกษาและทบทวน งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการได้รับบาดเจ็บ จากการทำงานและทดลองใช้รูปแบบกับกลุ่มตัวอย่างนำร่อง จำนวน 30 คน ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบที่เหมาะสมกับแรงงานนอกระบบซึ่งได้จากการศึกษาระยะที่ 1 โดยใช้วิธีการศึกษาแบบกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลองใช้รูปแบบทั้งหมด 12 สัปดาห์ใช้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 82 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 41 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงวัดผลคะแนนเฉลี่ยของพฤติกรรมความปลอดภัยจากการตอบแบบสอบถามพฤติกรรมความปลอดภัยทุก ๆ 2 สัปดาห์ตั้งแต่ก่อนจนถึงสิ้นสุดการทดลองใช้รูปแบบ (7 ครั้ง) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่ออธิบายลักษณะข้อมูลทั่วไป ข้อมูลพฤติกรรมความปลอดภัยและใช้สถิติเชิงอนุมานเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยของพฤติกรรมความปลอดภัยในกลุ่มทดลองช่วงก่อนและหลังทดลองใช้รูปแบบในสัปดาห์ที่ 2 ถึง สัปดาห์ที่ 12 โดยใช้สถิติ Repeated measure ANOVA ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 และเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยของพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมช่วงก่อนทดลองใช้รูปแบบ โดยใช้สถิติ Independent sample t - test ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 และช่วงหลังทดลองใช้รูปแบบใช้สถิติ Man Whitney U - test ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เคยประสบอุบัติเหตุจากการทำงานในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ56.10 ส่วนใหญ่โดนวัตถุ/ สิ่งของมีคม ตัด/บาด/ทิ่มแทง ร้อยละ 45.10 มีลักษณะเป็นบาดแผลที่บริเวณนิ้วมือ ร้อยละ 39.00 ผลจากการสร้างรูปแบบในการศึกษาระยะที่ 1 ทำให้ได้รูปแบบที่เหมาะสมต่อการนำไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง คือ รูปแบบการป้องกันการบาดเจ็บจากการทำงานแบบมีส่วนร่วมของแรงงานนอกระบบ ซึ่งประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก คือ (1) การชี้บ่งอันตราย (2) การให้ความรู้ (3) การติดตามและสังเกตพฤติกรรม (4) การสร้างแรงกระตุ้น และ (5) การสร้างการมีส่วนร่วม และเมื่อนำรูปแบบไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง พบว่า หลังทดลองใช้รูปแบบทุกช่วงสัปดาห์มีคะแนนเฉลี่ยของพฤติกรรมความปลอดภัยเพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนทดลองใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p=0.001) เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของพฤติกรรมความปลอดภัยระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม พบว่า หลังทดลองใช้รูปแบบในสัปดาห์ที่ 4, 6, 8, 10 และ 12 กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยของพฤติกรรมความปลอดภัยเพิ่มขึ้นสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p=0.001) แสดงให้เห็นว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นทำให้พฤติกรรมความปลอดภัยของผู้ประกอบอาชีพแปรรูปปลาสลิดบางบ่อดีขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในชุมชนสามารถนำรูปแบบไปใช้เป็นแนวทางในการสร้างพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานให้กับแรงงานนอกระบบในชุมชนเพื่อนำไปสู่การลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการทำงานต่อไป