กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9275
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC | ค่า | ภาษา |
---|---|---|
dc.contributor.author | พัทรพงษ์ อาสนจินดา | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะวิศวกรรมศาสตร์ | th |
dc.date.accessioned | 2023-07-12T07:13:34Z | |
dc.date.available | 2023-07-12T07:13:34Z | |
dc.date.issued | 2555 | |
dc.identifier.uri | https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9275 | |
dc.description | โครงการวิจัยประเภทงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | th_TH |
dc.description.abstract | งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษา การหาค่าความถี่ธรรมชาติของสะพานจากผลตอบสนองความเร่งของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยวิธีการทดสอบแบบทางอ้อม เพื่อแสดงให้เห็นความเป็นไปได้ของวิธีการทดสอบ รวมทั้งนำเสนอกระบวนการวิเคราะห์และรูปแบบการทดสอบที่เหมาะสมโดยได้ทำการทดสอบภาคสนามกับสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กช่วงสั้นจำนวน 3 สะพาน และใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 2 ประเภท ได้แก่ รถนั่งสองตอนท้ายบรรทุก (Pickup) และรถนั่งสามตอนเอนกประสงค์ (SUV) เป็นยานพาหนะทดสอบ โดยหัววัดความเร่งได้ถูกติดตั้งที่บริเวณกึ่งกลางเพลาหลังของรถยนต์ทดสอบ และทำการเปรียบเทียบค่าความถี่ที่ได้กับความถี่จากหัววัดความเร่งที่ใต้ท้องสะพานซึ่งเป็นการวัดแบบทางตรงโดยพิจารณาผลของความเร็วที่แตกต่างกัน ความถี่ธรรมชาติของสะพานจะสามารถหาค่าได้จากกระบวนการวเิคราะห์สัญญาณความเร่งตรวจวัดที่นำเสนอ ซึ่งประกอบด้วย 3 ลำดับขั้นตอน ได้แก่ 1 ) การแปลงฟูเรียร์แบบเร็ว (FFT) 2) การแยกรูปแบบสัญญาณเชิงประจักษ์ (EMD) และ 3) การแยกรูปแบบสัญญาณเชิงประจักษ์ร่วมกับการตัดช่วงสัญญาณความเร่ง จากผลการศึกษาพบว่าความถี่ที่ได้จากกระบวนการวิเคราะห์ที่นำเสนอมีค่าตรงกันกับค่าที่ได้จากการตรวจวัดทางตรงที่สะพาน คิดเป็นร้อยละ 79.67 ของกรณีที่ระบุค่าความถี่ได้ซึ่งแสดงถึงความเป็นไปได้ในการใช้วิธีการทดสอบทางอ้อมแทนการวัดโดยตรง และจากผลของปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า การใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถมาก มีช่วงล่างที่มีความหน่วงสูงและเคลื่อนที่เพียงคันเดียวบนสะพานด้วยความเร็วประมาณ 36-55 กม./ชม. เป็นกรณีที่แนะนำในการนำไปประยุกต์ใช้ส่วนการหาค่าความถี่ธรรมชาติจริงของสะพานเป็นไปได้ยากและมีความซับซ้อนสูงดังนั้นวิธีการทดสอบทางอ้อมจึงเหมาะสำหรับการนำมาใช้เพื่อคัดกรองสะพานที่อาจเกิดความเสียหายเมื่อพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงของความถี่ธรรมชาติ" | th_TH |
dc.description.sponsorship | สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ | th_TH |
dc.language.iso | th | th_TH |
dc.publisher | คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา | th_TH |
dc.subject | ความเร่ง | th_TH |
dc.subject | สะพาน | th_TH |
dc.title | การหาค่าความถี่ธรรมชาติของสะพานจากผลตอบสนองความเร่งการสั่นสะเทือนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล | th_TH |
dc.title.alternative | Identification of bridge fundamental frequency from vibration acceleration response of a passenger car | th_TH |
dc.type | Research | th_TH |
dc.year | 2555 | th_TH |
dc.description.abstractalternative | This research studied bridge natural frequency identification form a passenger car’s acceleration response by field testing. The research aimed to propose the analytical process and the appropriate testing scenario. In addition, effect of relevant parameters was studied. The field test was carried out with three short span reinforce concrete bridges and two types of passenger car i.e. full size pick-up truck (pickup) and sport utility vehicle (SUV) as the test vehicles. The acceleration transducers were mounted at the mid-point of vehicle rear axle as well as beneath the bridge at the mid-span in order to compare the analyzed frequency obtained from the direct and the indirect methods. Besides, effect of various moving speed was also considered. The bridge natural frequency can be identified by using indirect method from the process of signal analysis of the measured acceleration response. The proposed process consisted of 3 steps of calculation i.e. 1) the simple Fast Fourier Transformation (FFT) 2) the Empirical Mode Decomposition technique (EMD) and 3) the combination of the EMD and the cut of acceleration signal techniques. Regarding to the result of study, it was revealed that the proposed process was able to identify the bridge fundamental frequency of 79.67 % for available cases. Moreover, it was observed that the analyzed frequencies were exactly the same to those obtained from the direct measurement to the bridge. Consequently, the indirect test with the proposed process of analysis can be successfully used instead of the conventional direct test. According to the parametric study, it was found that using a passenger car having heavier weight, higher suspension damping, moving speed at 36-55 km./hr and only one testing vehicle on the bridge was recommended for application. Estimating bridge fundamental frequency can be difficult and high complicate. Therefore, the proposed indirect method is appropriate for filtering that bridge may be damage. | en |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | รายงานการวิจัย (Research Reports) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
2567_012.pdf | 6.26 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น