กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/2838
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorนุจรี ไชยมงคล
dc.contributor.authorยุนี พงศ์จตุรวิทย์
dc.contributor.authorวณิตา ขวัญสำราญ
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยบูรพา. คณะพยาบาลศาสตร์
dc.date.accessioned2019-03-25T09:18:57Z
dc.date.available2019-03-25T09:18:57Z
dc.date.issued2557
dc.identifier.urihttp://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/2838
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพในเด็กวัยเรียน และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.4-ป.6 โรงเรียนในเขตเทศบาลเมือง จังหวัดชลบุรี จำนวน 246 ราย โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม 8 ชุด ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป พฤติกรรมสุขภาพสำหรับเด็กวัยเรียน พื้นอารมณ์เด็กวัยเรียน สภาพแวดล้อมที่บ้านการสนับสนุนสังคม การรับรู้ความสามารถตนเอง ความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพ มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง .70-.96 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา Pearson’s correlation coefficients, point bi-serial coefficients, hierarchical และ stepwise multiple regression analyses ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพโดยรวมเท่ากับ 103.60 (S.D. = 10.61) ตัวแปรในปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับพฤติกรรมสุขภาพ คือ เพศ (หญิง) (r = .201, p < .01) พื้นอารมณ์ด้านการติดตามงาน (r = .169, p < .01) และกิจกรรมเคลื่อนไหว (r = -.122, p < .05) และลักษณะครอบครัว (เดี่ยว) (r = .132, p < .05) และตัวแปรในปัจจัยปกป้องที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับพฤติกรรมสุขภาพ คือ การสนับสนุนทางสังคม (r = .306, p < .001) การรับรู้ความสามารถตนเอง (r = .458, p < .001) ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพ (r = -.127, p < .05) และทัศนคติต่อสุขภาพ (r = .116, p < .05) การรับรู้ความสามารถตนเอง เพศของเด็ก (หญิง) และการสนับสนุนทางสังคมร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของพฤติกรรมสุขภาพเด็กวัยเรียนได้ ร้อยละ 28.1 (F3,209 = 27.164, p < .001) การรับรู้ความสามารถตนเองอธิบายความแปรปรวนของพฤติกรรมสุขภาพได้มากที่สุด คือ ร้อยละ 21.0 ( = .413, t = 6.797, p < .001) รองลงมาคือ เพศของเด็ก (หญิง) ร้อยละ 4.2 ( = .183, t = 3.098, p < .01) และสนับสนุนทางสังคม ร้อยละ 2.9 ( = .179, t = 2.923, p < .01) ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมสุขภาพในเด็กวัยเรียนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ พยาบาลและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการดูแลสุขภาพเด็กควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กวัยเรียนมีการรับรู้ความสามารถตนเองในด้านสุขภาพที่ถูกต้องมากขึ้น รวมทั้งให้การสนับสนุนด้านอารมณ์ สิ่งของ และข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีสุขภาพดี เพื่อให้เด็กวัยเรียนได้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีและเหมาะสมมากขึ้นth_TH
dc.language.isothth_TH
dc.subjectความสามารถในตนเองth_TH
dc.subjectพฤติกรรมสุขภาพth_TH
dc.subjectสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์th_TH
dc.subjectเด็ก - - สุขภาพและอนามัยth_TH
dc.titleพฤติกรรมสุขภาพในเด็กวัยเรียนและปัจจัยที่เกี่ยวข้องth_TH
dc.typeบทความวารสารth_TH
dc.issue3
dc.volume22
dc.year2557
dc.description.abstractalternativeThe purpose of this study was to examine health behaviors among school-age children and its associated factors. Sample included 246 school-age children studying in Prathom 4-6 in secondary schools of Chon Buri province’s municipality. Multi-stage random sampling was used to recruit the sample. Research instruments consisted of 8 questionnaires of demographic information, school children’s health behavior, temperament, neighborhood, social support, self-efficacy, knowledge and attitude about health behaviors. Their internal consistency reliability ranged from .70 to .96. Data were analyzed by using descriptive statistics, Pearson’s correlation coefficients, point bi-serial coefficients, hierarchical and stepwise multiple regression analyses. Results revealed that total mean score of health behavior was 103.60 (S.D. = 10.60). There were significant association between variables in the risk factor and health behaviors, including gender (girl) (r = .201, p < .01), temperament of task persistence (r = .169, p < .01) and motor activity (r = -.122, p < .05), and family type (nuclear) (r = .132, p < .05). There were also significant association between variables in the protective factor and health behaviors, including social support (r = .306, p < .001), self-efficacy (r = .458, p < .001) knowledge about health behaviors (r = -.127, p < .05) and attitudes about health (r = .116, p < .05). Self efficacy, child gender (girl) and social support accounted for 28.1% (F3,209 = 27.164, p < .001) in the variance explanation of health behaviors among school-age children. Self-efficacy was significant and the best explanation of variance in the health behaviors, which accounted for 21.0% ( = .413, t = 6.797, p < .001). The second best and significant was child gender (girl) accounted for 4.2% ( = .183, t = 3.098, p < .01) and followed by social support accounted for 2.9% ( = .179, t = 2.923, p < .01) in the variance explanation. These findings suggest that health behaviors of school-age children depend on many factors. Nurses and personnel who are responsible for child health care should promote and encourage school children to perceive their self efficacy relevant to appropriate health behaviors. In addition, support the school children for emotion, material and information pertaining to healthy behavior should be enhanced. Consequently, school-age children would be increasing good and proper health behaviorsen
dc.journalวารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา = Journal of faculty of nursing Burapha University.
dc.page14-28.
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:บทความวิชาการ (Journal Articles)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม ขนาดรูปแบบ 
14-28.pdf1.47 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น