กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/2836
ชื่อเรื่อง: | ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเด็กต่อความสามารถและความรู้สึกเป็นภาระในการดูแลเด็กสมองพิการ |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | Effects of the child caregiver's empowerment promoting program on ability and burden to care for children with cerebral palsy |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | สิริมา ชุ่มศรี นุจรี ไชยมงคล ศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์ มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะพยาบาลศาสตร์ |
คำสำคัญ: | ความรู้สึกเป็นภาระ ผู้ดูแล เด็กพิการทางสมอง - - การดูแล สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ |
วันที่เผยแพร่: | 2557 |
บทคัดย่อ: | การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวันผลก่อน-หลังครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเด็กสมองพิการโดยเปรียบเทียบความสามารถและความรู้สึกเป็นภาระในการดูแลเด็กสมองพิการระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ดูแลเด็กสมองพิการที่นำเด็กมารับการรักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี จังหวัดชลบุรี จำนวน 20 ราย สุ่มเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 10 ราย กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจที่พัฒนาตามแนวคิดของ Gibson (1995) ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติของโรงพยาบาล เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเด็ก แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความสามารถ และแบบสอบถามความรู้สึกเป็นภาระของผู้ดูแลเด็กสมองพิการ มีค่าความเชื่อมั่นของแอลฟ่าครอนบาคเท่ากับ .98 และ .93 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พิสัย และ Mann-Whitney U test ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังได้รับโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจ ผู้ดูแลเด็กในกลุ่มทดลองมีความสามารถในการดูแลเด็กสมองพิการสูงกว่าในกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งคะแนนโดยภาพรวม (Z = -3.83, p< .001) และคะแนนรายด้าน ได้แก่ ด้านการดูแลทั่วไป (Z = -3.78, p< .001) ด้านการดูแลตามระดับพัฒนาการ (Z = -3.83, p< .001) และด้านการดูแลเมื่อมีการเจ็บป่วย (Z = -3.97, p< .001) และพบว่า ความรู้สึกเป็นภาระของผู้ดูแลเด็กสมองพิการในกลุ่มทดลองต่ำกว่าในกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งคะแนนในภาพรวม (Z = -3.78, p< .001) และคะแนนรายด้าน ได้แก่ ด้านการใช้เวลา (Z = -3.79, p< .001) และด้านความยากลำบาก (Z = -3.65, p< .001) ผลการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า พยาบาลและบุคลากรทางสุขภาพมีหน้าที่ดูแลเด็กป่วยและครอบครัว สามารถนำโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจไปประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลเด็กมีความสามารถในการดูแลเด็กสมองพิการเพิ่มมากขึ้น และมีความรู้สึกเป็นภาระลดลง นอกจากนี้ยังส่งผลทางบวกต่อสุขภาพจิตของผู้ดูแลและคุณภาพชีวิตของเด็กสมองพิการด้วย |
URI: | http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/2836 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | บทความวิชาการ (Journal Articles) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|
nus22n4p35-46.pdf | 1.18 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น