กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1415
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorเครือวัลย์ ดาวงษ์
dc.contributor.authorยศพล ผลาผล
dc.contributor.authorวิจิตรา โหราเรือง
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี. คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์
dc.date.accessioned2019-03-25T09:07:03Z
dc.date.available2019-03-25T09:07:03Z
dc.date.issued2555
dc.identifier.urihttp://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1415
dc.description.abstractสำรวจและแยกเชื้อราสาเหตุโรคกิ่งและผลเน่าของแก้วมังกรในพื้นที่ตำบลโขมง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันบุรี พบเชื้อรา Dothiorella sp. จากการตรวจภายในกล้องจุลทรรศน์โดยตรง ส่วนการแยกเชื้อด้วยวิธี Tissue transplanting method พบเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides, Colletotrichum sp., Phomopisi sp. and Dothiorella sp. โดยพบเชื้อรา Dothiorella sp. มี ปริมาณมากที่สุดทั้งในกิ่งและในผล มีค่าเฉลี่ยร้อยละของเชื้อราที่ตรวจพบ 50 และ 35.42 ตามลำดับ ผลการศึกษาระยะการเข้าทำลายของเชื้อราสาเหตุโรค ตั้งแต่ระยะดอกถึงผลแก่ พบเชื้อราสาเหตุโรค 6 ชนิดคือ C. gloeosporioides, Colletotrichum sp., Phomopisi sp., Bipolaris cactivora, Curvularia sp. and Dothiorella sp. พิสูจน์การเกิดโรคด้วยวิธี Koch’s paustulation บนผลแก้วมังกร พบเชื้อราทั้ง 6 ชนิดสามารถทำให้เกิดแผลที่แก้วมังกรได้ โดยในระยะดอก พบปริมาณเชื้อรา Dothiorella sp. มากที่สุดร้อยละ 25.86 ในระยะผลอ่อน พบปริมาณเชื้อรา Colletotrichum sp. มากที่ สุดร้อยละ 58.65 ส่วนในระยะผลแก่พบปริมาณเชื้อรา C. gloeosporioides มากที่สุดร้อยละ 43.67 และพบเชื้อรา B. cactivora ในระยะดอกเท่านั้น จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าเชื้อโรคสามารถเข้าทำลายได้ตั้งแต่ระยะดอกเป็นต้นไป ผลการทดสอบประสิทธิภาพสารเคมี 3 ชนิดคือ Copper oxychloride, prochloraz, iprodione และเชื้อราปฏิปักษ์ Trichoderma harzianum โดยการพ่นสารเคมีสลับระหว่างสารชนิดสัมผัสและสารชนิดดูดซึม ตั้งแต่ก่อนแก้วมังกรออกดอกจนถึงระยะผลอ่อนรวม 6 8iyh’ ทำการทดลองในแปลงเกษตรกรจำนวน 4 แปลง พบกรรมวิธีพ่นสาร Copper oxychloride สลับ Prochloraz มี ประสิทธิภาพในการควบคุมโรคมากที่สุด มีร้อยละความรุนแรงของโรคน้อยกว่ากรรมวิธีพ่นสารเคมีชนิดอื่น นอกจากนี้ยังพบว่าการเขตกรรมตัดแต่งกิ่งเป็นโรคออกจากแปลงเพียงอย่างเดียว โดยไม่พ่นสารเคมีใดๆ สามารถควบคุมโรคได้ มีร้อยละความรุนแรงของโรคน้อยกว่ากรรมวิธีเกษตรกรที่ไม่มีการตัดแต่งกิ่งและไม่พ่นสารเคมี จากการศึกษาในครั้งนี้แสดงในเห็นว่า การลดแหล่งสะสมโรคก่อนแก้วมังกรออกดอก และการวางแปรแกรมพ่นสารเคมีตลอดระยะการพัฒนาของผลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้th_TH
dc.description.sponsorshipภายใต้โครงการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนฐานราก ประจำปีงบประมาณ 2554en
dc.language.isothth_TH
dc.publisherคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรีth_TH
dc.subjectโรคระบาดth_TH
dc.subjectแก้วมังกรth_TH
dc.subjectสาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยาth_TH
dc.titleโครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคระบาดในการผลิตแก้วมังกรคุณภาพ.th_TH
dc.title.alternativePrevention and disease problem management of dragon fruit.en
dc.typeงานวิจัย
dc.year2555
dc.description.abstractalternativeA survey and isolation of the pathogenic fungi from stem and fruit rot of dragon fruit in Tambon Kamong, Amphur Thamai, Chantaburi provine were performed. The fungal causal agent observed under microscope was Dothiorella sp. However, Colletotrichum gloeosporioides, Colletotrichum sp., Phomopisi sp. and Dothiorella sp. were isolated from infected stem and fruit rot by tissue transplanting technique. Dothiorella sp. was the most infect pathogen from stem and fruit rot that show in average 50.00 and 35.42 percent respectively. Infect stage of pathogen on developed dragonfruit was studies. Six pathogens such as Colletotrichum sp., C. gloeosporioides, ., Phomopisi sp., Bipolaris cactivora, Curvularia sp. and Dothiorella sp. were isolated from flowering to maturing of dragon fruit. Pathogenicity test of six fungal pathogens by Koch’s postulation on dragon fruit revealed fruit rot lesions. The most infected pathogen in flowering was Dothiorella sp. at 25.86 percent. Colletotrichum sp. and C. gloeosporioides were hightest infected in immature and maturing at 58.65 and 43.67 percent respectively. However B. cactivora was performed at flowering only. The results showed that pathogen can be destroyed from flowering and so on. Efficact test of three fungicides such as copper oxychloride, prochloraz, iprodione and antagonistic fungi Trichoderma harzianum by spraying between contact fungicide and systemic fungicide during flowering to immature including six times at four orchards. The result showed copper oxychloride and Prochloraz had the hightest effectivrly for controlling of fruit with percent lower than other fungicide of disease severity. Furthermore cultural practices such as pruning and orchard sanitation only had percent lower than non-cultural practices of disease severity. Result revealed reducing debris before flowering and using fungicide application programs is strongly associated with effective protection of fruit development.en
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย(Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
ไม่มีแฟ้มใดที่สัมพันธ์กับรายการข้อมูลนี้


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น