กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1406
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorอานนท์ วงษ์แก้ว
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยบูรพา. คณะวิศวกรรมศาสตร์
dc.date.accessioned2019-03-25T09:04:33Z
dc.date.available2019-03-25T09:04:33Z
dc.date.issued2555
dc.identifier.urihttp://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1406
dc.description.abstractการศึกษานี้เป็นการศึกษาพฤติกรรมและศักยภาพของข้อต่อคาน-เสา-พื้นที่สำเร็จรูปของโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่ก่อสร้างโดยใช้มาตรฐานการก่อสร้างของประเทศไทยในการรับแรงแผ่นดินไหวด้วยการทดสอบตัวอย่างขนาดใหญ่ในห้องปฏิบัติการภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยบูรพา ตัวอย่างทดสอบที่ 1 ถูกออกแบบและมีรายละเอียดการเสริมเหล็กเพื่อรับแรงบรรทุกในแนวดิ่งเท่านั้น ส่วนตัวอย่างทดสอบที่ 2 ถูกออกแบบเหมือนตัวอย่างที่ 1 ทุกประการยกเว้นมีรายละเอียดการเสริมเหล็กตามมาตรฐานการเสริมเหล็กสำหรับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อรับแรงแผ่นดินไหวตาม มยผ.1301-50 (มยผ.1302-52) ทั้งนี้ตัวอย่างทดสอบทั้งสองตัวอย่างก่อสร้างด้วยช่างที่ชำนาญงานก่อสร้างอาคารคอนกรีตในประเทศไทย ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเครื่องทดสอบ UTM สามารถประยุกต์ใช้ในการทดสอบตัวอย่างคอนกรีตขนาดใหญ่นอกแกนเครื่องให้ผลการทดสอบดีมากเมื่อเทียบกับผลการทดสอบจากนักวิจัยท่านอื่นๆ ตัวอย่างที่ 2 รับแรงกระทำสูงสุดที่ปลายคานได้น้อยกว่าตัวอย่างที่ 1 เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตัวอย่างที่ 2 สามารถหมุนได้สูงสุดเท่ากับ 5% radian และตัวอย่างที่ 1 สามารถหมุนได้สูงสุดเท่ากับ 4% radian เพิ่มขึ้นคิดเป็น 25% นอกจากนี้ตัวอย่างที่ 2 สามารถสลายพลังงานได้มากกว่าตัวอย่างที่ 1 เท่ากับ 21% การเสริมเหล็กตามมาตรฐานการเสริมเหล็กสำหรับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อรับแรงแผ่นดินไหว มยผ.1301-50 (มยผ.1302-52) ไม่ช่วยเพิ่มความสามารถในการรับแรงของตัวอย่างคาน-เสาแผ่นพื้นสำเร็จรูป ค.ส.ล แต่ช่วยเพิ่มความเหนี่ยวและความสารถในการสลายพลังงานจากแรงแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตามการเพิ่มเหล็กปลอกในเสาและคานที่ตรงบริเวณด้านในข้อต่อและบริเวณรอบๆข้อต่อ สามารถลดการเกิดรอบแตกขนาดใหญ่ในคานหลักและเสา และช่วยลดเกิดรอยแตกด้านบนแผ่นพื้นสำเร็จรูปคอนกรีตเสริมเหล็กth_TH
dc.description.sponsorshipได้รับทุนสนับสนุนโครงการวิจัย ประจำปีงบประมาณ 2555 จากสำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติen
dc.language.isothth_TH
dc.publisherคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาth_TH
dc.subjectคอนกรีตเสริมเหล็กth_TH
dc.subjectสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัยth_TH
dc.titleพฤติกรรมคาน-เสา-แผ่นพื้นสำเร็จรูปคอนกรีตเสริมเหล็กของเสาต้นริมที่ก่อสร้างในประเทศไทยภายใต้แรงแผ่นดินไหวth_TH
dc.title.alternativeBehavior of reinforced concrete beam-column-plank slabs of exterior columns constructed in Thailand under earthquake loaden
dc.typeResearch
dc.year2555
dc.description.abstractalternativeThis study is to evaluate the potential of a reinforced concrete beam-column-precast slab structure under fictitious earthquake loading through experiments of nearly full-scale specimens in the laboratory at Burapha University. The test program comprises of two specimens of the beam-column-precast slab: sp1 and ap2. Both of specimens are designed in accordance with ACI318-99 for a reinforced concrete structure under service of a gravity load. As a matter of fact, these specimens are constructed by highly skilled reinforced concrete workers. The reinforcing details as usually practice in Thailand are employed. Moreover, the reinforcing details of Thai standard for reianforced concrete buildings resistance earthquake 1301-50(1302-52) are implemented into parts of the beam-column connection of sp2. More stirrups are added to a beam and column part near the connection, and inside the connection as well. The results from the tests show that even though sp2 can resist insignificantly lower than sp1, sp2 can rotate as much as 5% radian comparing with 4% radian of sp1 as of 25% increment. In addition, sp2 can participate in energy absorption more than sp1 approximately 21%. Therefore, it can be concluded that the reinforcing details as described by Thai standard for reinforced concrete building resistance earthquake 1301-50(1302-52) can not increase strength of the reinforced concrete beam-column-precast slab, sp2. However, ductility and energy absorption of sp2 reasonably increases. Crack patterns of sp1 and sp2 quite different as well. Sp1 has major cracks concentrating in the connection area especially at the man beam and column. On the other hand, cracks of sp2 rather occur in both sides of those minor beams. The cracks on the surface of slab of sp1 are also obviously noticed than sp2.en
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม ขนาดรูปแบบ 
2567_210.pdf6.91 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น