ผลการจัดโปรแกรมป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยประยุกต์ทฤษฎีความสามารถของตนเองที่มีต่อการหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

จุฑามาศ อินทพันธุ์

ผลการจัดโปรแกรมป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยประยุกต์ทฤษฎีความสามารถของตนเองที่มีต่อการหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

dc.contributor.advisor	เอมอัชฌา วัฒนบุรานนท์อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก
dc.contributor.advisor	อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม
dc.contributor.author	จุฑามาศ อินทพันธุ์
dc.contributor.other	มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสาธารณสุขศาสตร์
dc.date.accessioned	2023-09-18T07:15:42Z
dc.date.available	2023-09-18T07:15:42Z
dc.date.issued	2563
dc.identifier.uri	https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9782
dc.description	วิทยานิพนธ์ (ส.ม.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2563
dc.description.abstract	การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดโปรแกรมป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถของตนเองที่มีต่อการหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลข์องนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 66 คน เลือกแบบเจาะจงแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 33 คน กลุ่มเปรียบเทียบ 33 คน เครื่องมือที่ใช้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้การป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎี ความสามารถของตนเอง 2) แบบสอบถามความสามารถของตนเอง 3) แบบสอบถามพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4) แบบวัดความรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test Repeated One- way ANOVA และ LSD ซึ่งกำหนดระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัย 1. หลังการทดลองค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถของตนเองค่าเฉลี่ยของคะแนนพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และค่าเฉลี่ยของคะแนนความรู้เรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากการใช้โปรแกรมป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. หลังการทดลองค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถของตนเอง ค่าเฉลี่ยของคะแนน พฤติกรรมการหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และค่าเฉลี่ยของคะแนนความรู้เรื่องเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์จากการใช้โปรแกรมป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลข์องกลุ่มทดลองสูงกว่า ก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในระยะติดตามผลและหลังการทดลองไม่แตกต่างกัน
dc.language.iso	th
dc.publisher	คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.rights	มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.subject	มหาวิทยาลัยบูรพา -- สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์
dc.subject	เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
dc.subject	นักเรียนมัธยมศึกษา -- พฤติกรรม
dc.title	ผลการจัดโปรแกรมป้องกันการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยประยุกต์ทฤษฎีความสามารถของตนเองที่มีต่อการหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
dc.title.alternative	Effects of preventing lcohol consumption progrm by pplying self-efficcy theory on voiding lcohol consumption of lower secondury school students
dc.type	วิทยานิพนธ์/ Thesis
dc.description.abstractalternative	This quasi-experimental research aimed to study the alcohol drinking prevention program applying self-efficacy theory among secondary school students. The 66 samples were divided by the purposive selection method into two groups: 33 experimental group and 33 comparison group. The experimental instruments were 1) the alcohol drinking prevention program applying self-efficacy theory learning management plans. 2) the self-efficacy questionnaire 3) the alcohol drinking prevention questionnaire 4) the alcohol knowledge test. The data obtained were analyzed by using percentage, frequency, standard deviation, t-test, Repeated One-way ANOVA and LSD which determining the statistically significant differences at the .05 level. The findings were as follows: 1. After treatment, the mean scores of self-efficacy, the mean scores of alcohol drinking prevention behavior and alcohol knowledge concerning alcohol drinking prevention of the experimental group were found significantly higher than the comparison group at the .05 level. 2. After treatment, the mean scores of self-efficacy, the mean scores of alcohol drinking prevention behavior and alcohol knowledge concerning alcohol drinking prevention of the experimental group were found significantly higher than before treatment at the .05 level, while the follow-up phase and after treatment were found no differences.
dc.degree.level	ปริญญาโท
dc.degree.discipline	สาธารณสุขศาสตร์
dc.degree.name	สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต
dc.degree.grantor	มหาวิทยาลัยบูรพา