การศึกษาแพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสัตว์บริสุทธิ์จากชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของไทยเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำวัยอ่อน

ขวัญเรือน ปิ่นแก้ว; อมรรัตน์ ชมรุ่ง; ณัฐวุฒิ เหลืองอ่อน; ปิยะวรรณ ศรีวิลาศ

dc.contributor.author	ขวัญเรือน ปิ่นแก้ว	th
dc.contributor.author	อมรรัตน์ ชมรุ่ง	th
dc.contributor.author	ณัฐวุฒิ เหลืองอ่อน	th
dc.contributor.author	ปิยะวรรณ ศรีวิลาศ	th
dc.contributor.other	มหาวิทยาลัยบูรพา. สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล
dc.date.accessioned	2019-03-25T08:54:50Z
dc.date.available	2019-03-25T08:54:50Z
dc.date.issued	2540
dc.identifier.uri	http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/905
dc.description.abstract	นำตัวอย่างไดอะตอม 3 ชนิด ได้แก่ chaetoceros calcitrans, Tetrasellmis chuii , Isochrysis galbana สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน 2 ชนิด ได้แก่ BG1, BG2, และแพลงตอนก์สัตว์ 4 ชนิด ได้แก่ กุังเคย, อาร์ทีเมียตัวเต้มวัยแข่น้ำมันตับปลา, อารืทีเมียอายุ 1 วัน, และ โคพีพอด มาทำการวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารในแพลงก์ตอนพืชพบว่า C. calcitrans มีปริมาณโปรตีนสูงสุดรองลงมา ได้แก่ T.chuii และ I. galbana เท่ากับ 25.26ม 24.92 และ 2.53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน BG 1 พบกรดไขมัน 0.99 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักเปียกและ BG 2 มีกรดไขมัน 0.77 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักเปียก ในแพลงก์ตอนสัตว์พบว่า กุ้งเคย มีปริมาณโปรตีนสูงสุด รองลงมา ได้แก่ อาร์ทีเมียตัวเต็มวัยแช่น้ำมันตับปลา, อารืทีเมียอายุ 1 วัน, และโคพีพอด เท่ากับ 30.87, 29.0, 26.16 และ 5.24 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ทำการเพาะเลี้ยงหอยแมลงภู่ Perna viridis (L) ในห้องปฏิบัติการระยะเวลา 2 เดือน โดยเลี้ยงด้วยอาหาร Thallassiosira sp.,C. calcitrans และ Lithodesmium sp. พบการเจริญเติบโตแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) นำสาหร่าย 3 ชนิดไปเลี้ยงอารืทีเมีย พบว่าที่เลี้ยงด้วย T. chuii, C. calcitrans และ BG 1 มีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นจากน้ำหนักเริ่มต้นเท่ากับ 48.4+-0.53, 10.1+-0.12 และ 0.4+-0.01 กรัม ตามลำดับ และนำสาหร่าย 4 ชนิดไปเลี้ยงโคพีพอด Apocyclops sp. พบว่า I. galbana, C. calcitrans, Chloreilla sp. และ T. chuii มีความหนาแน่นเท่ากับ 4255, 977, 877 และ 833 ตัว/ลิตรตามลำดับ และเมื่อนำโคพีพอด A.sp ไปเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 ระดับ พบว่าที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 10 วัน มีอัตราการรอดตายเท่ากับ 83.25 เปอร์เซ็นต์	th_TH
dc.description.sponsorship	ได้รับเงินสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดินหมวดเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ 2540	en
dc.language.iso	th	th_TH
dc.publisher	สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา	th_TH
dc.subject	แพลงค์ตอน - - การวิจัย	th_TH
dc.subject	แพลค์ตอนสัตว์ - - การวิจัย	th_TH
dc.subject	แพลงค์ตอนพืช - - การวิจัย	th_TH
dc.subject	สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา	th_TH
dc.title	การศึกษาแพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสัตว์บริสุทธิ์จากชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของไทยเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำวัยอ่อน	th_TH
dc.title.alternative	A study on the cultures of phytoplankton and zooplankton from the Eastern coast of Thailand for larvae aquaculture	en
dc.type	Research
dc.year	2540
dc.description.abstractalternative	Three species of diatom: Chaetoceros calcitrans, Tetrasellmis chull, Isochrysis galbana, two species of blue green algae: BG1, BG2 and four species of zooplankton: mysid, artemia with HUFA, artemia larvae and copepod were analysed for nutrient composition. C. calcitrans were found having the highest crude protein 25.26 percent. Protein composition in T. chuii and I. galbana 24.92 and 2.53 percent while fatty acid composition in BG1 and BG2 were 0.99 and 0.77 percent respectively. In zooplankton, mysid was found to have highest the protein composition, 30.87 percent. In other zooplankton, adult artemia mixed with cod liver oil, artemia larvae and copepod protein composition were 26.16, 22.69 and 5.24 percent respectively. The growth rate in green mussels (Perna viridis L.) two-month fed with Thallassiosira sp., C. calcitrans and Lithodesmium sp. were found significantly discrimination of (P<0.05). And the three-gram artemia fed the three species of algae, T chuii, C. calcitrans and BG1 could increase weight up to 48.4+-0.53, 10.1+-0.12 and 0.4+-0.01 grams, respectively. While the average number in 9 d culture of ten copepods, Apocyclops sp. fed with I. galbana, C. calcitrans, C. sp. and T. chuii were 4255, 977, 877 and 833 individuals/I. And the suitable temperature to preserve Apocyclops sp. was 20 ' C, the survival rate within 10 days 83.25 percent	en