dc.contributor.advisor |
อาพันธ์ชนิต เจนจิต |
|
dc.contributor.advisor |
สิราวรรณ จรัสรวีวัฒน์ |
|
dc.contributor.author |
มัสยา บัวผัน |
|
dc.contributor.other |
มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะศึกษาศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2023-06-06T04:25:41Z |
|
dc.date.available |
2023-06-06T04:25:41Z |
|
dc.date.issued |
2563 |
|
dc.identifier.uri |
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/8843 |
|
dc.description |
วิทยานิพนธ์ (กศ.ม.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2563 |
|
dc.description.abstract |
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีม กับเกณฑ์ร้อยละ 70 2) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีม และ 3) ศึกษาเจตคติต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งได้แก่ 1) ประชากร คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียน บ้านแหลมแท่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 40 คน 2) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านแหลมแท่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 20 คน โดย การสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีม หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สมบัติทางกายภาพของวัสดุและสถานะของสสาร 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.25 – 0.80 มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.30 – 0.90 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 3) แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.71 และ 4) แบบวัดเจตคติต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีม มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.44 – 0.83 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 วิเคราะห์ข้อมูลโดย การหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าทีแบบ One sample t-test และทดสอบค่าทีแบบ Paired t-test ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีม ร้อยละ 85.75 สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. เจตคติต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อยู่ในระดับมากที่สุด |
|
dc.language.iso |
th |
|
dc.publisher |
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา |
|
dc.rights |
มหาวิทยาลัยบูรพา |
|
dc.subject |
ความคิดสร้างสรรค์ |
|
dc.subject |
ความคิดสร้างสรรค์ -- การศึกษาและการสอน |
|
dc.subject |
มหาวิทยาลัยบูรพา -- สาขาวิชาการบริหารการศึกษา |
|
dc.title |
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีม (STEAM) ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนความคิดสร้างสรรค์และเจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 |
|
dc.title.alternative |
The effects of lerning mngement by using stem on chievement, cretive thinking nd ttitude of prthomsuks 4 students |
|
dc.type |
วิทยานิพนธ์/ Thesis |
|
dc.description.abstractalternative |
The purposes of this research were to; 1) compare students’ learning achievement after learning through Conceptual STEAM with the 70 percent criterion, 2) compare students’ creative thinking skills before and after the learning activities through Conceptual STEAM and, 3) study the attitude of students after learning through the STEAM approach. The population and sample group in this research comprised; 1) population of 40 of Prathomsuksa 4 students in the Banlaemtan School, 2) the sample comprised of 20 of students from Prathomsuksa 4 at Banlaemtan School who were studying in the 1st semester of B.E. 2562 selected by cluster random sampling. The research tools included; 1) lesson plans of the STEAM approach physical properties of the material and status of matter, 2) learning achievement test, the degree of difficulty was between 0.25 – 0.80 and discrimination power was between 0.30 – 0.90, the reliability index was at 0.92. 3) creative thinking test, was reliability index of 0.71 and, 4) attitude toward learning activities through conceptual STEAM test, the discrimination power was between 0.44–0.83, the reliability index was at 0.91. The collected data were analyzed by mean, standard deviation, one sample t-test and paired t-test The research findings were summarized as follows: 1. Prathomsuksa 4 students’ learning achievement after learning through the STEAM approach was at 85.75 percent which was significantly higher than the set 70 percent with a statistical significance at the .05 level. 2. The creative thinking of Prathomsuksa 4 students after learning through the STEAM approach was higher than before learning with a statistical significance at the .05 level. 3. The attitude toward the learning activities through STEAM approach of Prathomsuksa 4 students were positive at the highest level. |
|
dc.degree.level |
ปริญญาโท |
|
dc.degree.discipline |
การบริหารการศึกษา |
|
dc.degree.name |
การศึกษามหาบัณฑิต |
|
dc.degree.grantor |
มหาวิทยาลัยบูรพา |
|