DSpace Repository

การพัฒนาแบบวัดความฉลาดทางสังคมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนกีฬา : การทดสอบความไม่แปรเปลี่ยนของการวัดตามตัวแปรเพศ

Show simple item record

dc.contributor.advisor ณัฐกฤตา งามมีฤทธิ์
dc.contributor.advisor สมพงษ์ ปั้นหุ่น
dc.contributor.author สาคร เพ็ชรสีม่วง
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะศึกษาศาสตร์
dc.date.accessioned 2023-05-12T03:59:04Z
dc.date.available 2023-05-12T03:59:04Z
dc.date.issued 2561
dc.identifier.uri https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/7490
dc.description ดุษฎีนิพนธ์ (ปร.ด.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2561
dc.description.abstract การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพของแบบวัดความฉลาดทางสังคมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนกีฬา 2) เพื่อศึกษาความไม่แปรเปลี่ยนของรูปแบบโมเดลความฉลาดทางสังคมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนกีฬา จำแนกตามเพศ และ 3) เพื่อสร้างเกณฑ์ปกติและคู่มือการใช้แบบวัดความฉลาดทางสังคม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนกีฬา ปีการศึกษา 2560 สังกัดสถาบันการพลศึกษา จำนวน 1,022 คน แบ่งเป็นเพศชาย 582 คน เพศหญิง 440 คน ที่ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวัดความฉลาดทางสังคม ตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง ความเที่ยงตรงเชิงสภาพ อำนาจจำแนก ความเชื่อมั่น และทดสอบความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดล การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติบรรยาย การทดสอบที สหสัมพันธ์ และวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการวิเคราะห์คุณภาพของแบบวัดความฉลาดทางสังคมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนกีฬา พบว่า แบบวัดความฉลาดทางสังคมจำนวน 80 ข้อ มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) ตั้งแต่ 0.60-1.00 ค่าอำนาจจำแนก (t) อยู่ระหว่าง 2.13-10.30 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05-1.00 และ .01 และคำถามทุกข้อมีค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนของข้อคำถามแต่ละข้อ กับคะแนนรวมของข้อที่เหลือ (CITC) ระหว่าง 0.22-0.64 มีค่าความเชื่อมั่น ( ) รายองค์ประกอบระหว่าง 0.85-0.92 ค่าความเที่ยงตรงตามโครงสร้างคำนวณจากกลุ่มที่รู้ชัดอยู่แล้ว (Known-group technique) และค่าความเที่ยงตรงเชิงสภาพ ( ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากนั้นผู้วิจัยได้คัดเลือกข้อคำถามโดยพิจารณาข้อคำถามที่มีค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนของข้อคำถามแต่ละข้อกับคะแนนรวมของข้อที่เหลือ (CITC) มากกว่า 0.20 และในแต่ละองค์ประกอบต้องมีจำนวนข้อคำถามตั้งแต่ 3 ข้อขึ้นไปซึ่งมีความครอบคลุมนิยามปฏิบัติการความฉลาดทางสังคมในแต่ละองค์ประกอบตามที่ผู้วิจัยได้สังเคราะห์ขึ้นมา จัดเป็นแบบวัดฉบับเต็มจำนวน 50 ข้อ และแบบวัดฉบับสั้นจำนวน 30 ข้อ โดยแบบวัดฉบับเต็มมีค่าอำนาจจำแนก (t) ระหว่าง 9.31-20.12 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และคำถามทุกข้อมีค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนของข้อคำถามแต่ละข้อกับคะแนนรวมของข้อที่เหลือ (CITC) มากกว่า 0.20 มีค่าระหว่าง 0.30-0.58 มีค่าความเชื่อมั่น ( ) รายองค์ประกอบระหว่าง 0.80-0.57 ฉบับสั้นมีค่าอำนาจจำแนก (t) ระหว่าง 10.71-19.78 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และคำถามทุกข้อมีค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนของข้อคำถามแต่ละข้อกับคะแนนรวมของข้อที่เหลือ (CITC) มากกว่า 0.20 มีค่าระหว่าง 0.34-0.55 มีค่าความเชื่อมั่น ( ) รายองค์ประกอบระหว่าง 0.76-0.80 2. การตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของแบบวัดความฉลาดทางสังคม ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน พบว่า โมเดลความฉลาดทางสังคมของแบบวัดทั้งฉบับเต็มและฉบับสั้นประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบที่ 1 การตระหนักรู้ทางสังคม ได้แก่ ความเห็นอกเห็นใจ รู้สถานการณ์ การปรับตัวทางสังคม องค์ประกอบที่ 2 ทักษะทางสังคม ได้แก่ การตระหนักรู้ตนเอง การแสดงออก การแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ องค์ประกอบที่ 3 การประมวลข้อมูลข่าวสารทางสังคม ได้แก่ การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การตัดสินใจในการปฏิบัติตนต่อผู้อื่น มีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ( = 13.94, 9.22; df = 11, 6; P = 0.24, 0.16; GFI = 1.00; AGFI = 0.99, 0.98; RMSEA = 0.02; RMR = 0.01 ตามลำดับ) แบบวัดความฉลาดทางสังคมฉบับเต็มมีค่าน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานระหว่าง 0.90-1.04 เมื่อพิจารณาแต่ละองค์ประกอบย่อย ๆ มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานระหว่าง 0.33-0.79 ส่วนแบบวัดความฉลาดทางสังคมฉบับสั้นมีค่าน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานระหว่าง 0.88-1.00 เมื่อพิจารณาแต่ละองค์ประกอบย่อย ๆ มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานระหว่าง 0.37-0.79 โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกองค์ประกอบ 3. ผลการทดสอบความไม่แปรเปลี่ยนของรูปแบบโมเดลการวัดความฉลาดทางสังคมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนกีฬา จำแนกตามเพศ พบว่า แบบวัดความฉลาด ทางสังคมทั้งฉบับเต็มและฉบับสั้น รูปแบบมีความไม่แปรเปลี่ยนระหว่างกลุ่มนักเรียนชายและ กลุ่มนักเรียนหญิง 4. เกณฑ์ปกติ (Norm) ของแบบวัดความฉลาดทางสังคมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนกีฬาฉบับเต็มมีคะแนนดิบอยู่ระหว่าง 92-250 คะแนนทีปกติ อยู่ระหว่าง T18-T81 และแบบวัดฉบับสั้นมีคะแนนดิบอยู่ระหว่าง 52-150 คะแนนทีปกติ อยู่ระหว่าง T18-T79 หมายความว่า แบบวัดทั้งฉบับเต็มและฉบับสั้นมีความฉลาดทางสังคมอยู่ในระดับน้อยมาก ถึง สูงมาก
dc.language.iso th
dc.publisher คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.rights มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.subject การวัดผลทางการศึกษา
dc.subject การศึกษา -- แบบทดสอบ
dc.subject มหาวิทยาลัยบูรพา -- สาขาวิชาวิจัย วัดผลและสถิติการศึกษา
dc.title การพัฒนาแบบวัดความฉลาดทางสังคมสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนกีฬา : การทดสอบความไม่แปรเปลี่ยนของการวัดตามตัวแปรเพศ
dc.title.alternative The development of socil intelligence scle for the lower secondry students in sport school :bvlidting nd testing mesurement invrince cross gender
dc.type วิทยานิพนธ์/ Thesis
dc.description.abstractalternative The objectives of this research were; 1) to develop a social intelligence scale for the lower secondary students in sport schools, 2) to examine the invariance of social intelligence model for the lower secondary students in sport school across genders, and 3) to create a scale manual and norm, Normalize T-score. The samples used in the study comprised of 1,022 lower secondary students in sport schools of the institute of physical education, with 582 of males and 440 of females, selected by cluster random sampling. The instrument used for collecting data was social intelligence questionnaire with 5-rating scale. The study included three times for piloting to test the scale’s quality. The quality of the scale was examined for content validity, discriminating powers, concurrent validity, construct validity, reliability and validating the measurement invariance across gender. Normalize T-score was used to construct test norm. The results revealed that 1. The 80 items of the social intelligence scale had high content validity index (IOC range from 0.60 to 1.00). The discriminating powers of the social intelligence scale analyzed by t-test were statistically significant at .05-.01, they ranged from 2.13-10.30. Corrected item-total correlation (CITC) ranged from 0.22-0.64. The reliability analyzed by Cronbach’s coefficient alpha in each traits was 0.85-.0.92. The construct validity of social intelligence scale analyzed by Known-group technique the concurrent validity was analyzed by the pearson product moment correlation coefficient. The efficiency difference was statistically significant at .01. The discriminating powers of the social intelligence scale, full version (50 items) and short version (30 items), analyzed by t-test were statistically significant at .01, they ranged from 9.31-20.12 and 10.71-19.78, Corrected item-total correlation (CITC) were from 0.30-0.58 and 0.34-0.55, respectively. The construct validity by factor analysis revealed that the social intelligence consisted of three factors: The first factor was social awareness with empathy, Situational awareness and social adaptability. The second factor was social skills with self-awareness, presentation, inappropriate assertiveness and group activities. The third factor was social information processing with social interaction and the decision to behave towards others. The reliability of social intelligence scale analyzed by Cronbach’s coefficient alpha in each traits of the full version were in the ranged from 0.80-0.87, the short version were from 0.76-0.80. 2. The construct validity of social intelligence scale for the lower secondary students in sport school analyzed by confirmatory factor analysis found that the measurement model of social intelligence full version fit with the empirical data, the equation was = 13.94; df = 11 (P-value = 0.24; GFI = 1.00; AGFI = 0.99; RMR = 0.01; RMSEA = 0.02. The result of short version model also fit as ( = 9.22; df = 6 (P-value = 0.16; GFI = 1.00; AGFI = 0.98; RMSEA = 0.02; RMR = 0.01). The factor loading of full version were in the range from 0.90-1.04, considering the individual components were in the range from 0.33-0.79. The factor loading of short version were in the range from 0.88-1.00, considering the individual components were in the range from 0.37-0.79. 3. The measurement model of social intelligence for the lower secondary students in sport school in both full version and short version, revealed that there was invariance of social intelligence model of the lower secondary students in sport school according to different groups of gender (male-female). 4. The Normalize T-score of the full version were from T18-T81, the short version were in the range from T18-T79. The level of the social intelligence scale of the full version by Criterion score form was from low to high level ranging from 92-250, the short version was from low to high level ranging from 52-150.
dc.degree.level ปริญญาเอก
dc.degree.discipline วิจัย วัดผลและสถิติการศึกษา
dc.degree.name ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
dc.degree.grantor มหาวิทยาลัยบูรพา


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account