DSpace Repository

การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนโดยประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐานเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

Show simple item record

dc.contributor.advisor ปริญญา ทองสอน
dc.contributor.advisor สิริยุพิน ศุภ์ธนัชภัคชนา
dc.contributor.author จิณห์จุฑา ศิริเวชบุรี
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะศึกษาศาสตร์
dc.date.accessioned 2023-05-12T03:39:00Z
dc.date.available 2023-05-12T03:39:00Z
dc.date.issued 2561
dc.identifier.uri https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/7219
dc.description วิทยานิพนธ์ (กศ.ม.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2561
dc.description.abstract การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนโดยประยุกต์ใช้กระบวนการ เรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/ 80 2) เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนหลังเรียน 3) ศึกษาทักษะ การแก้ปัญหา 4) ศึกษาเจตคติต่อการเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 โรงเรียนบ้านหินวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวนนักเรียน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนโดยประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดทักษะการแก้ปัญหา แบบวัด เจตคติ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ ค่าที (t-test ) ผลการวิจัย พบว่า 1. ชุดกิจกรรมการเรียน โดยประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 82.33/ 82.89 2. คะแนนการเรียน ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียน โดยประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ทักษะการแก้ปัญหา ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียน โดยประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 4. เจตคติต่อการเรียน โดยประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐาน ภาพรวมเห็นด้วย อย่างยิ่ง ( = 4.72, SD = 0.48)
dc.language.iso th
dc.publisher คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.rights มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.subject มหาวิทยาลัยบูรพา -- สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน
dc.subject การเรียนที่ใช้ปัญหาเป็นฐาน
dc.subject พุทธศาสนา -- การศึกษาและการสอน (ประถมศึกษา)
dc.subject วัฒนธรรม -- การศึกษาและการสอน (ประถมศึกษา)
dc.subject สังคมศึกษา -- การศึกษาและการสอน (ประถมศึกษา)
dc.subject การแก้ปัญหา -- กิจกรรมการเรียนการสอน
dc.title การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนโดยประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ปัญหาเป็นฐานเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
dc.title.alternative The development of lerning ctivities pckges by pplying problem bsed lerning process to develop the problem solving skills on re of Socil Study, Relision nd Culture for Prthomsuks 5 Students
dc.type วิทยานิพนธ์/ Thesis
dc.description.abstractalternative The purposes of this research were; 1) to develop ,learning activities packages by applying problem-based learning process to enhance the problem solving skills on area of social study, religion and culture for Prathomsuksa 5 students to meet the efficiency of 80/ 80, 2) to study the learning achievement of the student, 3) to study students’ problem solving ability and 4) to study students’ attitudes towards the learning. The sample consisted of 30 students in Pratomsuksa 5 in the first semester in academic year 2016 at BanHinwong school, Sattahip District, Chonburi Province, under the Office of Chonburi Primary Educational Service Area Office 3. They were selected by using cluster random sampling. The research instruments were the learning activities package leaning achievement test, problem solving test, attitudes test. The statistics used were percentage, mean, standard deviation and t-test. The results of the study were as follows: 1. The development of learning activities package by using application problem-based learning process for enhancing the problem solving skills on area of social study, relision and culture for Prathomsuksa 5 students had efficiency of = 82.33/ 82.89. 2 The post test scores of the students after being taught by the learning activities package was significantly higher than the pretest scores at the significant level of .05. 3. The ability to solve the problem of the students after being taught by the learning activities was significantly higher than that the 70 % criterion. 4. The attitudes of the students to learning with the package was mostly agree ( = 4.72)
dc.degree.level ปริญญาโท
dc.degree.discipline หลักสูตรและการสอน
dc.degree.name การศึกษามหาบัณฑิต
dc.degree.grantor มหาวิทยาลัยบูรพา


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account