dc.contributor.author | ฉันทนา จันทวงศ์ | |
dc.contributor.author | สมถวิล จริตควร | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะพยาบาลศาสตร์ | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะวิทยาศาสตร์ | |
dc.date.accessioned | 2019-03-25T08:53:01Z | |
dc.date.available | 2019-03-25T08:53:01Z | |
dc.date.issued | 2545 | |
dc.identifier.uri | http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/681 | |
dc.description.abstract | การวิจัยเรื่องนี้เป็นการวิจัยสถาบันของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา มีจุดมุ่งหมายเพื่อการติดตามสถานภาพการทำงานของมหาบัณฑิต รุ่นปีการศึกษา 2545 เพื่อสำรวจความคิดเห็นของมหาบัณฑิตต่อหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนและการอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอน และเพื่อสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพในการทำงานในทรรศนะของหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานของมหาบัณฑิต เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ชุด คือ ชุดที่ 1 แบบสำรวจสถานภาพการทำงานของมหาบัณฑิต ชุดที่ 2 แบบสำรวจความคิดเห็นต่อหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอน ชุดที่ 3 แบบสอบถามความสามารถและคุณลักษณะของมหาบัณฑิตในการปฏิบัติงาน การเก็บรวบรวมข้อมูลจากมหาบัณฑิต ใช้การเก็บข้อมูลโดยตรงในช่วงที่มีการซ้อมรับปริญญาบัตร โดยแจกแบบสอบถามให้แล้วรอรับกลับคืน การเก็บรวบรวมข้อมูลจากหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน โดยการส่งำปทางไปรษณีย์และสอดซองติดแสตมป์ให้ส่งกลับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพรรณา คือ การแจกแจงความถี่และร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า มหาบัณฑิตรุ่นปีการศึกษา 2545 ตอบแบบสอบถามร้อยละ 68.2 เป็นแบบสอบถามที่สมบูรณ์ ถูกต้องร้อยละ 68.2 สถานภาพการทำงานภายหลังสำเร็จการศึกษา มีงานทำก่อนสำเร็จการศึกษา ร้อยละ 97.1 มีผู้ที่ยังไม่มีงานทำเพียง 24 คน ภายหลังสำเร็จการศึกษามีงานทำ 14 คน ยังเหลือผู้ที่ยังไม่ได้ทำงาน 10 คน มหาบัณฑิตที่ทำงานแล้วส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 15,001-20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.4 ส่วนใหญ่มีอาชีพรับราชการและเป็นพนักงานของรัฐ ร้อยละ 63.7 รองลงมาเป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 19.6 มหาบัณฑิตได้ทำงานที่ตรงกับสาขาที่จบมา ร้อยละ 73.5 สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับงานที่ทำอยู่ในระดับมาก ร้อยละ 63.6 ระดับปานกลาง ร้อยละ 32.4 ลักษณะงานที่ทำภายหลังสำเร็จการศึกษาได้ทำงานเดิมในตำแหน่งใหม่ที่สูงขึ้น พบร้อยละ 13.4 และได้ทำงานใหม่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น พบร้อยละ 9.2 จะเห็นได้ว่ามหาบัณฑิตได้ทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น รวมทั้งงานเดิมและงานใหม่ พบร้อยละ 22.6 ความพึงพอใจต่องานที่ทำ พบว่า พึงพอใจร้อยละ 91.3 ในการสำรวจความคิดเห็นของมหาบัณฑิตทุกสาขาต่อหลักสูตร การจัดการเรียนการสอนและการอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอน ผลการศึกษาพบว่า ด้านหลักสูตรมีความเหมาะสมในระดับมาก 2 อันดับแรก คือ เนื้อหาสาระที่เรียนตรงกับความต้องการของงาน เนื้อหาสาระที่เรียนทันสมัย มหาบัณฑิตส่วนใหญ่เห็นว่ามีความเหมาะสมในระดับมาก 2 อันดับสุดท้าย คือ การฝึกในห้องปฏิบัติการ/ฝึกภาคสนาม การศึกษาดูงาน/การสร้างเสริมประสบการณ์วิชาชีพที่นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน ด้านการจัดการเรียนการสอนมหาบัณฑิตส่วนใหญ่เห็นว่า การจัดการเรียนการสอนมีความเหมาะสมในระดับมาก 2 อันดับแรกคือ การประสานงานระหว่างอาจารย์ การวางแผนบริหารจัดการเรียนการสอน มีความเหมาะสมมาก 2 อันดับสุดท้ายคือ ลำดับวิชาที่เรียน ปริมาณอาจารย์ผู้สอน ด้านการควบคุมวิทยานิพนธ์ มหาบัณฑิตส่วนใหญ่เห็นว่า มีความเหมาะสมในระดับมาก 2 อันดับแรกคือ ความเหมาะสมของการประสานงานระหว่างอาจารย์ การติดตามดูและการทำวิทยานิพนธ์ มีความเหมาะสมในระดับมาก 2 อันดับสุดท้ายคือ ปริมาณอาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์/งานนิพนธ์ การจัดอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์/งานนิพนธ์ ในประเด็นด้านนวยความสะดวกในการเรียนการสอน มหาบัณฑิตส่วนใหญ่เห็นว่ามีความเหมาะสมในระดับมาก 3 อันดับแรกคือ บริการห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัย สภาพทั่วไปของห้องบรรยาย บริการในการลงทะเบียนของส่วนการเงินและบัญชี มีความเหมาะสมในระดับมาก 3 อันดับสุดท้ายได้แก่ บริการที่ห้องคอมพิวเตอร์/ เทคโนโลยีสารสนเทศ บริการห้องปฏิบัติการ บริการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งมหาบัณฑิตได้ให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขด้วย ในการศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพของมหาบัณฑิตในการทำงานในทรรศนะของหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานของมหาบัณฑิต ผลการศึกษาพบว่า มหาบัณฑิตมีความสามารถในการปฏิบัติงานโดยภาพรวมภายหลังสำเร็จการศึกษา ส่วนใหญ่มีความสามารถในการปฏิบัติงานในระดับมาก พบร้อยละ 80.8 โดยความสามารถในการปฏิบัติงานเปลี่ยนแปลงไปทิศทางที่ดีขึ้นร้อยละ 90.8 เท่าเดิมร้อยละ 8.0 และแย่ลงร้อยละ 0.5 ความคิดเห็นต่อความสามารถและคุณลักษณะในการปฏิบัติงานรายด้าน หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานของมหาบัณฑิตมีความเห็นว่า มหาบัณฑิตมีความสามารถและคุณลักษณะในระดับมาก 3 อันดับแรก ได้แก่ ความซื่อตรงต่อหน้าที่ ความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน ความสามารถในการปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย ความสามารถและคุณลักษณะที่จัดอยู่ในกลุ่ม 3 อันดับสุดท้าย ได้แก่ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ความสามารถในการบังคับบัญชา ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ คณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ควรทำการศึกษาความสามารถในการปฏิบัติงานของมหาบัณฑิตก่อนเรียนและภายหลังสำเร็จการศึกษาเปรียบเทียบกัน เพื่อที่จะได้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในความสามารถ นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะให้สาขาวิชา คณะ วิทยาลัย หน่วยงานบริการของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับงานซึ่งได้รับความคิดเห็นของมหาบัณฑิต ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางระดับน้อย และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้ปรับปรุงก้ไขได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขต่อไป | th |
dc.description.sponsorship | ได้รับเงินอุดหนุนการวิจัยจากเงินรายได้บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา | en |
dc.language.iso | th | th_TH |
dc.publisher | คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา | th_TH |
dc.subject | การทำงาน | th_TH |
dc.subject | กำลังคนระดับบัณฑิตศึกษา - - ไทย | th_TH |
dc.subject | บัณฑิต - - การจ้างงาน. | th_TH |
dc.subject | สาขาการศึกษา | th_TH |
dc.title | การติดตามคุณภาพบัณฑิต รุ่นปีการศึกษา 2545 | th_TH |
dc.title.alternative | Follow-up study of 2023 graduates of Burapha University | th_TH |
dc.type | Research | th_TH |
dc.year | 2545 | |
dc.description.abstractalternative | The objectives of this Burapha University Graduate School institution research were to study the employment status of the 2003 graduates: their opinion towards curriculum, teaching and learning management and supporting facilities as well as equipment's; and the opinion on work performance as perceived by their superiors and fellow employees. Research instruments included 3 sets of questionnaires Set 1 was the survey of job status of the graduates, Set 2 was the survey of the graduates' opinion towards curriculum, instruction and supporting facilities and equipment Set 3, to be answered by the graduates' superior and fellow employees, was a survey on the graduate characters and work performance. Questionnaires were distributed and collected on the same day during 2003 commencement practice at the university. Data from the graduates' supervisor and fellow employees were mail collected Frequency and percentage were used for the analyses of data. 68.2% of graduates return the questionnaires of which 68.2% was completed and thus used for analyses. Further analyses revealed the following: 97.1% of the graduates was already on the job before entering the graduate studies; out of 24 graduates without job coming into graduates programs, 14 got jobs after graduation, however, 10 were still unemployed; the graduates income was mostly in the bracket of 15,001-20,000 bath/month; 63.7% was government employees while 19.6% was employees in private sectors; 73.5% of the graduates got a job related to their field of study and were able to apply their knowledge on their job at high (63.6%) and moderate (32.4%) levels; 13.4% of graduates reported that their job was the same but with higher position after graduations while 9.2% reported of working in different job with higher job position; this is to say that 22.6% of the graduates had higher job position after graduation and 91.3% of them was satisfy with the job situation. With respect to their opinion towards curriculum, teaching and learning management and supporting facilities and equipment, data revealed that the two best things of the curriculum were job related and up-to-date. The two least appreciation were laboratory/field experience and study visit/ practical experience. Most graduates reported their opinion towards teaching and learning management were coordination among lectures and course management while the course sequence and the number of lecturers were the least appreciations of the teaching learning management. On the issue of the practice of advisory of thesis, the graduates felt that coordination among advisory committee members and the close supervision of the thesis advisor were most satisfied. However, the two drawbacks with this respect were insufficient number of advising committee and the inappropriate assignment of advisory committee. The graduates opinion on supporting facilities and equipment's was most satisfied on several condition of services at Main Library, lecture room, and Registrar Office respectively. Computer lab service, laboratory room, security services were reported to be unsatisfactory. The graduates also offered suggestions to improve various aspects for various academic units. Graduate School, and the university in general. On the supervisor and fellow employees of the graduate side, data revealed that the graduates ability were well recognized by the groups as reflected by the figures that 80.8% of them were very satisfy with the graduates' ability (90.8% felt that the graduates' ability had improved; 8.0% felt that the ability was the same and 0.5% was worst after graduation). However, the three most recognized characters by fellow employees were honesty and job responsibility. On the contrary, the 3 drawbacks among the graduate were abilities on English, governance, the use of computer. The research team had suggested that a comparative study on the pre and post graduation should be carried out to find out if any change has occurred to graduates. Suggestions were also delivered to departments, facilities/ colleges, various service units of the university with low score on the graduate opinion to realize and improve their works. | en |