DSpace Repository

การบริหารและการจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติในภาคตะวันออก

Show simple item record

dc.contributor.author สมชาย เดชะพรหมพันธุ์
dc.contributor.author ภัทราพร สร้อยทอง
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะภูมิสารสนเทศศาสตร์
dc.date.accessioned 2019-03-25T08:51:56Z
dc.date.available 2019-03-25T08:51:56Z
dc.date.issued 2545
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/556
dc.description.abstract การวิจัยเรื่อง การบริหารและจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติในภาคตะวันออก มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาเปรียบเทียบ จัดระดับการบริหารและจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติในภาคตะวันออก และทดสอบแบบจำลองการบริหารและจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการบริหารและจัดการเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่น ๆ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา คือ อุทยานแห่งชาติ 7 แห่งในภาคตะวันออก คือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เขาแหลมหญ้าและหมู่เกาะเสม็ด น้ำตกพลิ้ว เขาคิชฌกูฏ เขาชะเมา-เขาวง ทับลาน และปางสีดา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบจำลองการบริหารและจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยปรับแต่งเป็นแบบสำรวจเพื่อใช้เก็บข้อมูลภาคสนามและแบบสอบถามที่นำไปเก็บข้อมูลจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ บุคลากรที่ปฏบัติงานในอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยว ประชาชนชุมชนท้องถิ่น ผลการศึกษาพบว่า 1. อุทยานแห่งชาติทั้ง 7 แห่ง มีความสามารถในการบริหารและจัดการองกรค์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแตกต่างกัน ระดับความสามารถในการบริหารและจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งมีความใกล้เคียงกันมากตามลำดับดังนี้ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง ได้รับคะแนน 43 รองลงมาคือ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว 42 คะแนน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ อุทยานแห่งชาติทับลาน ได้แห่งละ 41 คะแนน อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าและหมู่เกาะเสม็ดได้ 40 คะแนน และอุทยานแห่งชาติปางสีดา ได้ 38 คะแนน และเมื่อเฉลี่ยเปรียบเทียบระหว่างอุทยานแห่งชาติทางบกกับอุทยานแห่งชาติทางทะเลเพียงเล็กน้อยที่ระดับ 41 : 40.50 คะแนน แบบจำลองการบริหารและการจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศสามารถปฏิบัติได้กับกิจกรรมที่อุทยานแห่งชาติทั้ง 7 แห่ง โดยมีการดำเนินการในระดับสูงตั้งแต่ร้อยละ 79.18 ถึง 89.58 ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าแบบจำลองการบริหารและจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศจะสามารถเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการบริหารและจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่น ๆ ได้ th_TH
dc.description.sponsorship สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) en
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะภูมิสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject Ecotourism management th_TH
dc.subject การท่องเที่ยว - - ไทย (ภาคตะวันออก) th_TH
dc.subject สาขาสังคมวิทยา th_TH
dc.subject อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว - - ไทย (ภาคตะวันออก) th_TH
dc.subject อุทยานแห่งชาติ - - ไทย (ภาคตะวันออก) th_TH
dc.title การบริหารและการจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติในภาคตะวันออก th_TH
dc.title.alternative Ecotourism management of the Eastern Region national parks th_TH
dc.type Research th_TH
dc.year 2545
dc.description.abstractalternative The research purposes are three : 1. To compare Ecotourism Management ability of Eastern Region National Park 2. To rank the position of the Ecotourism Management ability of Eastern Region National Park 3. To test Ecotourism Management model The research methodology is to set up the Ecotourism Management model, and then bring it to test with seven national parks in the Eastern Region. The park to be studied are: Kho Chang, Kao leamYar- Kho Smet, Plew Waterfall, Kao Kichakoot, Kao Chamao-Kao Wong, Taplan,and Prang Seeda. The results are : 1. There are difference in Ecotourism Management ability among seven national park. 2. The ability ranking are show as follow as Kao Chamao-Kao Wong score 43, Plew Waterfall score 42, Kho Chang,Kao Kichakoot and Taplan are the same 41, Kao leamYar-Kho Smet score 40 and Prang Seeda score 38. 3. The main land national parks have more Ecotourism Management ability than marine national park. The score of the main land national parks is 41. The score of marine national parks is 40.5 The Ecotourism Management parctice of seven national parks meet 79.81 to 89.58 percent of the Ecotourism Management Model, and this is a confidence that the model can be a guideline to set Ecotourism Management Standard, for national parks and other natural tourism place. en


Files in this item

Files Size Format View

There are no files associated with this item.

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account