Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพอนามัยความสามารถในการดูแลตนเอง และความต้องการสนับสนุนจากทางราชการและชุมชนของผู้ป่วย
โรคเอดส์ ตลอดจนเปรียบเทียบในกลุ่มที่มีระดับการศึกษาและรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน เพื่อหาค่าปฏิสัมพันธ์ และความแตกต่างในกลุ่มตัวแปรต้น กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มารับบริการในคลินิกนิรนามทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชนในจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง จำนวน 100 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่พัฒนาจากแนวคิดของโอเร็ม (Orem) ซึ่งมีค่าความเที่ยงสูงกว่า .75 ในทั้ง 3 เรื่อง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ตัวแปรความแปรปรวนพหุนามแบบสองทาง (two-way MANOVA) การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบสองทาง (two-way ANOVA) และการวิเคราะห์ค่าจำแนกตัวแปรด้วยวิธี Discriminant Analysis
ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการดูแลตนเอง ความสามารถในการดูแลตนเอง และความต้องการสนับสนุนจากทางราชการและชุมชนของผู้ป่วยโรคเอดส์ อยู่ในระดับ "มาก" และไม่พบว่ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างระดับการศึกษาและรายได้เฉลี่ยต่อเดือน รวมทั้งไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องพฤติกรรมการดูแลตนเอง ความสามารถในการดูแลตนเอง และความต้องการสนับสนุนจากทางราชการและชุมชนในกลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีระดับการศึกษาต่างกัน นอกจากนั้นยังพบอีกว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน มีความสามารถในการดูแลตนเอง และความต้องการสนับสนุนจากทางราชการและชุมชนไม่แตกต่างกัน แต่ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน มีพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพอนามัยแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยกลุ่มผู้ป่วยที่มีรายได้น้อยกว่า 5,000 บาท มีการดูแลตนเองดีกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,000 บาทขึ้นไป ดังนั้นผู้บริหารและบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายควรเพิ่มการสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีการพัฒนาขีดความสามารถในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น