Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาเรื่อง “การพัฒนารูปแบบการบริหารธุรกิจครอบครัวไปสู่การบริหารธุรกิจ แบบ SMEs ในด้านธุรกิจการศึกษา ในเขตภาคกลางของ สปป.ลาว” งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจโดยการใช้แบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นห้าระดับแบบลิเคิร์ทสเกลเก็บรวบรวมข้อมูลกับผู้ประกอบการหรือผู้อำนวยการสถานศึกษาในเขตภาคกลางสปป.ลาว ซึ่งมีประชากรทั้งหมด 188 โรงเรียน โดยผู้วิจัยนำแบบสอบถามเก็บรวบรวมทุกโรงเรียน จำนวน 188 ชุด และนำมาทำการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระกับตัวแปรตาม
ผลการวิจัยพบว่า พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นชายอายุอยู่ระหว่าง 41-50 ปี ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ประกอบการมีระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรี และมีประสบการณ์ในการทำงาน 11-15 ปี เมื่อพิจารณาจำนวนนักเรียนของโรงเรียนส่วนใหญ่ 201 คนขึ้นไป ตั้งอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทร์ โดยมีระยะ เวลาประกอบธุรกิจ 11 ปีขึ้นไป ความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบกาบริหารธุรกิจ ครอบครัวไปสู่การบริหารธุรกิจแบบ SMEs ในด้านธุรกิจการศึกษาในเขตภาคกลางของ สปป.ลาว มองในภาพรวม พบว่า ด้านการบริการ มีมากเป็นอันดับแรก รองลงมาอันดับที่ 2 คือ ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ อันดับที่ 3 ด้านการบริหารจัดการ อันดับที่ 4 คือ ด้านการบริหารการเงิน อันดับที่ 5 คือ ด้านการจัดการเทคโนโลยี อันดับสุดท้ายคือ ด้านการตลาด ปัจจัยผลการดำเนินงานของธุรกิจ พบว่า ด้านการเรียนรู้และการเติบโตขององค์กร มีมากเป็นอันดับแรก รองลงมาอันดับที่ 2 ด้านกระบวนการภายใน อันดับที่ 3 ด้านการเงิน และอันดับที่ 4 คือ ด้านลูกค้า ตามลำดับ และปัจจัยด้านการบริหารจัดการ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบริหารการเงิน การบริการ การจัดการเทคโนโลยี มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจครอบครัวที่พัฒนาเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)