Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยแรงจูงใจ การจัดโครงสร้างองค์การ การใช้เทคโนโลยีในการบริหาร บรรยากาศองค์การ และวัฒนธรรมองค์การ ที่ส่งผลต่อสมรรถนะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยแรงจูงใจ การจัดโครงสร้างองค์การ การใช้เทคโนโลยีในการบริหาร บรรยากาศองค์การ และวัฒนธรรมองค์การ ที่ส่งผลต่อสมรรถนะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา 3) สร้างสมการพยากรณ์สมรรถนะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา จากปัจจัยแรงจูงใจ การจัดโครงสร้างองค์การ การใช้เทคโนโลยีในการบริหาร บรรยากาศองค์การ และวัฒนธรรมองค์การ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ข้าราชการครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 127 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบบมาตราประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง 0.513 - 0.960 และค่าความเชื่อมั่น .995 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (average) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient) ค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยพหุคูณและสร้างสมการถดถอยเพื่อพยากรณ์ตัวแปรตัว โดยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบมีขั้นตอน ( Stepwise multiple regression analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 โดยรวมและรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมาก
2. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนัก งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 โดยรวมมีความสัมพันธ์กันในทางบวกในระดับปานกลางถึงระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
3. ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 มีเพียง 4 ปัจจัย คือ การจัดโครงสร้างองค์การ (X2) แรงจูงใจ (X1) บรรยากาศองค์การ (X4) และการใช้เทคโนโลยีในการบริหาร (X3) ร่วมกันทำนายตัวแปรตามได้ร้อยละ 64.70 (R2 = 0.647 ) อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 โดยสามารถสร้างสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบและรูปคะแนนมาตรฐาน ได้ดังนี้
Ŷ = 0.659 + 0.302(X2) + 0.242(X1) + 0.159(X4) + 0.136(X3)
Z = 0.359(X2) + 0.239(X1) + 0.194(X4) + 0.182(X3)