DSpace Repository

การพัฒนารูปแบบการจัดสวัสดิการนอกงานของแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติในอุตสาหกรรมก่อสร้างจังหวัดชลบุรี

Show simple item record

dc.contributor.author ดนัย บวรเกียรติกุล
dc.contributor.author นันทพร ภัทรพุทธ
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสาธารณสุขศาสตร์
dc.date.accessioned 2021-04-17T06:09:08Z
dc.date.available 2021-04-17T06:09:08Z
dc.date.issued 2561
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/4038
dc.description โครงการวิจัยประเภทงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 th_TH
dc.description.abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประการ คือ ศึกษาสถานการณ์การจัดสวัสดิการนอกงาน ด้านที่พักอาศัยสาหรับแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติในอุตสาหกรรมก่อสร้าง จ.ชลบุรี และเพื่อ พัฒนารูปแบบการจัดสวัสดิการนอกงานด้านที่พักอาศัยสำหรับแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติใน อุตสาหกรรมก่อสร้าง ผลการศึกษา ได้ทำการศึกษาเพื่อประเมินสภาพการสุขาภิบาลที่พักอาศัยชั่วคราว และคุณภาพชีวิตของแรงงานก่อสร้างในโครงการพัฒนาในจังหวัดชลบุรี 3 แห่ง โดยแบบสำรวจสภาพ การสุขาภิบาลที่พักอาศัยสำหรับแรงงานก่อสร้างและแบบทดสอบคุณภาพชีวิตที่ดัดแปลงจากองค์การ อนามัยโลกฉบับย่อ ผลการสำรวจ พบว่า สภาพการสุขาภิบาลที่พักอาศัยสำหรับแรงงานก่อสร้างของ โครงการทั้ง 3 แห่งอยู่ในช่วงคะแนนร้อยละ 66.00 – 78.76 ซึ่งอยู่ในระดับพอใช้จนถึงระดับดี ส่วน คุณภาพชีวิตทั้งในด้านสุขภาวะทางกาย ทางจิต และทางสังคมอยู่ในช่วงคะแนนร้อยละ 61.15 – 70.53 ซึ่งอยู่ในระดับดี และมีความสอดคล้องกับสภาพการสุขาภิบาล การสร้างรูปแบบสวัสดิการนอกงานประเภทที่พักอาศัยสำหรับแรงงานก่อสร้าง ได้กำหนดรูปแบบการใช้พื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนงานก่อสร้าง ทั้งนี้ ได้กาหนดให้มีจำนวนแรงงานอย่างน้อย 80 คนเพื่อใช้รูปแบบจัดสวัสดิการที่พักอาศัย และกำหนดให้ แรงงาน 1 คนต้องมีพื้นที่เพื่อการจัดสวัสดิการที่พักอาศัยอย่างน้อยตั้งแต่ 15 ตารางเมตร (ร้อยละร้อย) หลังจากนั้น จัดสรรเป็นพื้นที่สวัสดิการ ฯ ต่อคน ดังนี้ พื้นที่อาคารสำหรับการอยู่อาศัย ประกอบด้วย อาคารพักอาศัย 3 ตารางเมตร (ร้อยละ 20) อาคารห้องน้ำ ห้องส้วมตั้งแต่ 1 ตารางเมตร (ร้อยละ 6.67) ห้องครัวและโรงอาหาร 1 ตารางเมตร (ร้อยละ 6.67) พื้นที่ใช้สอยเพื่อการสุขาภิบาล ประกอบด้วย พื้นที่สำหรับการรวบรวมเศษอาหาร 0.10 ตารางเมตร (ร้อยละ 0.67) พื้นที่สำหรับการ จัดเก็บและพักขยะ 0.25 ตารางเมตรต่อคน (ร้อยละ 1.67) พื้นที่สำหรับการบำบัดน้าเสีย 0.50 ตารางเมตร (ร้อยละ 3.33) พื้นที่ใช้สอยเพื่อรองรับสภาวะฉุกเฉิน ประกอบด้วย พื้นที่จุดรวมพล 0.25 ตารางเมตร (ร้อยละ 1.67) พื้นที่จุดปฐมพยาบาล 1 ตารางเมตร (ร้อยละ 6.67) พื้นที่จุดอานวยการ แก้ไขภาวะฉุกเฉิน 0.25 ตารางเมตร (ร้อยละ 1.67) พื้นที่การสัญจร ประกอบด้วย เส้นทางสัญจรด้วย ยานพาหนะ 0.50 ตารางเมตร (ร้อยละ 3.33) พื้นที่จุดจอดยานพาหนะ 0.50 ตารางเมตร (ร้อยละ 3.33) พื้นที่นันทนาการและสวัสดิการ ประกอบด้วยบริเวณสาหรับกิจกรรมการออกกำลังกาย 1 ตาราง เมตร ร้อยละ 6.67) บริเวณสำหรับร้านค้าสวัสดิการหรือร้านอาหาร 0.25 ตารางเมตร (ร้อยละ 1.67) รวมพื้นที่ใช้ประโยชน์ต่อแรงงาน 1 คน 9.60 ตารางเมตร (ร้อยละ 64) คงเหลือ 5.40 ตารางเมตร (ร้อย ละ 36) ในการจัดตั้งอาคารต่าง ๆ ให้อยู่ในตำแหน่งตามหลักการพื้นที่การประกอบกิจกรรมด้วยการ ปฏิบัติทั่ว ๆ ไป การประกอบกิจกรรมส่วนตัวโดยเฉพาะ การประกอบกิจกรรมด้วยความร่วมมือเพื่อ กระทำสิ่งใด ๆ การประกอบกิจกรรมที่ขัดแย้ง การติดต่อซึ่งกันและกัน th_TH
dc.description.sponsorship สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ th_TH
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject แรงงานต่างด้าว - - การจ้างงาน -- ชลบุรี th_TH
dc.subject แรงงานไทย th_TH
dc.subject แรงงานต่างด้าว - - การจ้างงาน -- ชลบุรี th_TH
dc.subject สาขาสังคมวิทยา th_TH
dc.title การพัฒนารูปแบบการจัดสวัสดิการนอกงานของแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติในอุตสาหกรรมก่อสร้างจังหวัดชลบุรี th_TH
dc.title.alternative Developing outside welfare of Thai and transnational labors model in construction industry Chonburi province en
dc.type Research th_TH
dc.author.email danai@buu.ac.th th_TH
dc.author.email nantapor@buu.ac.th th_TH
dc.year 2561 th_TH
dc.description.abstractalternative The purpose of this research was to study the housing situation among Thai and transnational labors in the construction industry in Chonburi, and to develop a model for improving this situation. The sanitary and living conditions of temporary residents was evaluated, and the quality of life of construction laborers were assessed in three construction projects in Chonburi Province. Two methods were used: a survey about sanitary living conditions and a questionnaire assessing their quality of life, using a scale adapted from WHOQOL-BREF. The sanitary conditions-survey found that the residential sanitary conditions for the construction labors of the three projects were in the range of 66.00 - 78.76%, which was in the level of ‘fair’ to ‘good’. The quality of life survey found that in terms of physical, mental and social wellbeing, scores ranged from 61.15 to 70.53%, a level which was consistent with the sanitary conditions. Based on the findings, a model for residential welfare for construction laborers residing at or near construction sites was designed, aiming to provide standards for living space suitable for the way of life of construction workers. The standard can be used in construction sites where there are at least 80 laborers in residence. The model suggests that one person must have at least 15 m2 of residential space (100%). After that, allocating as amount of area per person as a follow the residential area should be composed of a bedroom of 3 m2 (20%), a bathroom of 1 m2 (6.67%), a kitchen and/or canteen of 1 m2 (6.67%). In terms of sanitary requirements, there should be an area for garbage collection of 0.10 m2 (0.67 %), an area for solid waste collection of 0.25 m2 (1.67%), and an area for wastewater treatment of 0.50 m2 (3.33%). The average area needed for supporting emergency situations, i.e. an assembly point, should amount to 0.25 m2 (1.67%), a first aid-point 1 m2 (6.67 %), emergency management point of 0.25 m2 (1.67%). In terms of space needed for traffic and transportation, an average space of 0.50 m2 (3.33%) is required, and vehicle parking area should be 0.50 m2 (3.33%). In terms of recreation and welfare, for each construction worker exercise area of 0.25 m2 (1.67%), a food stall/shop area of 1 m2 (6.67 %) should be planned for. In summary, each laborer should use 9.60 m2 (64%) for private use, with the remaining 5.40 m2 (36%) used as communal area. In establishment of building, it was depended on the principle of operative activity, private activity, co-operative activity, contentious activity and communication en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account