Abstract:
การศึกษานี้ทำการหาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณกรดแอสคอร์บิคและระดับสีของยาเม็ด การเปลี่ยนแปลงของสีเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของการเสื่อมสภาพของสารในยาเม็ด การศึกษาทำโดยเก็บยาเม็ดวิตามินซีจากท้องตลาด (D และ E) และยาเม็ดวิตามินซีที่พัฒนาขึ้น ภายใต้สภาวะเร่ง (40±2°C, 75±5%RH) ยาเม็ดที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยกรดแอสคอร์บิค ทาวคัม อะวิเซลพีเอส-102 โพลิเอทิลีนไกลคอล 6000 โพลิไวนิลไพรอลิโดนและเอโรซิล ทำการวิเคราะห์หาปริมาณกรดแอสคอร์บิคโดยเครื่องโครมาโตกราฟฟีเหลวสมรรถนะสูง ทำการประเมินค่าระดับสีของเม็ดยาโดยเทคนิคการประมวลผลด้วยภาพดิจิตอล ผลการทดลองพบว่ายาเม็ด D และ E มีปริมาณกรดแอสคอร์บิคน้อยกว่า 90% ของปริมาณที่ระบุบนฉลากหลังจากเก็บยาเม็ดในตู้สาหรับศึกษาความคงตัวเป็นระยะเวลา 108 วัน และ 148 วัน ตามลำดับ ปริมาณกรดแอสคอร์บิคของยาเม็ดที่พัฒนาขึ้นมีปริมาณน้อยกว่า 90% ของปริมาณที่ระบุบนฉลากเมื่อเก็บไว้ในระยะเวลา 35 วัน การศึกษาระดับสีของเม็ดยาพบว่าในสภาวะเร่ง ระดับสีของยาเม็ดลดลงเมื่อเก็บเป็นระยะเวลานานขึ้น ความสัมพันธ์ (R2) ระหว่างปริมาณกรดแอสคอร์บิคกับระดับสีของยาเม็ด D เท่ากับ 0.8545 ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์สูง ยาเม็ด E มีค่าความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณกรดแอสคอร์บิคกับระดับสีเท่ากับ 0.6323 แสดงถึงความสัมพันธ์ระดับปานกลาง ยาเม็ดที่พัฒนาขึ้นมีค่าความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณกรดแอสคอร์บิคกับระดับสีเท่ากับ 0.7922 แสดงถึงความสัมพันธ์ระดับสูง ผลการศึกษาแสดงว่าการประมวลผลด้วยภาพดิจิตอลสามารถใช้เป็นวิธีคัดกรองสำหรับพิจารณาการเสื่อมสภาพของยาเม็ดวิตามินซีได้