DSpace Repository

ผลของการบริโภครำข้าวและจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ต่อการควบคุมความดันโลหิต การทำงานของหัวใจ และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง

Show simple item record

dc.contributor.author ปิยะพงษ์ ประเสริฐศรี
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสหเวชศาสตร์
dc.date.accessioned 2020-04-12T02:33:27Z
dc.date.available 2020-04-12T02:33:27Z
dc.date.issued 2562
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3865
dc.description.abstract การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบระดับความดันโลหิต การทำงานของระบบ ประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ และปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดก่อนและหลังการรับประทานน้ำมันรำข้าวทั่วไปและน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง และเพื่อเปรียบเทียบระดับความดันโลหิต การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ และปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดหลังการรับประทานน้ำมันรำข้าวทั่วไปและน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยเป็นผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 36 คน เป็นเพศชาย 1 คน และเพศหญิง 35 คน อายุ 66.50 ± 4.69 ปี ดัชนีมวลกาย 24.11 ± 3.22 กิโลกรัม/ตารางเมตร ระดับความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัว 122.16 ± 11.80 และ 73.58 ± 11.64 มิลลิเมตรปรอท ผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโดยวิธีการสุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่รับประทานน้ำมันรำข้าวทั่วไป จำนวน 19 คน และกลุ่มที่รับประทานน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ จำนวน 17 คน ผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยทั้ง 2 กลุ่มรับประทานน้ำมันรำข้าวที่ได้รับ ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2 แคปซูล หรือวันละ 1,000 มิลลิกรัม หลังอาหารเช้าทุกวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ก่อนและหลังการรับประทานน้ำมันรำข้าว ผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยได้รับการตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกาย ระดับความดันโลหิต ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจซึ่งบ่งชี้การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะเครียดออกซิเดชันและการอักเสบในเลือด ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำมันรำข้าวทั่วไปมีระดับภาวะเครียดออกซิเดชันลดลง (p = 0.000) ขณะเดียวกันพบว่ามวลโปรตีนลดลงเช่นกัน (p = 0.028) ส่วนกลุ่มที่รับประทานน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่มีระดับภาวะเครียดออกซิเดชันลดลง (p = 0.001) การอักเสบลดลง (p = 0.007) น้ำหนักตัวลดลง (p = 0.024) และดัชนีมวลกายมีแนวโน้มลดลงหลังการรับประทาน (p = 0.052) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มพบว่าระดับความดันโลหิต การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะเครียดออกซิเดชันและการอักเสบในเลือดของผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน แต่กลุ่มที่รับประทานน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่มีแนวโน้มของอัตราการเต้นของหัวใจต่ำกว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำมันรำข้าวทั่วไป (p =0.088) การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงที่รับประทานน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นประจำในระยะสั้นมีภาวะเครียดออกซิเดชัน การอักเสบ และน้ำหนักตัวลดลง การศึกษาผลของการรับประทานน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ในระยะยาวขึ้น อาจช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิต การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ รวมถึงองค์ประกอบของร่างกายได้ชัดเจนขึ้น th_TH
dc.description.sponsorship งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากงบประมาณเงินรายได้ (เงินอุดหนุนจากรัฐบาล) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 th_TH
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject ผู้สูงอายุ th_TH
dc.subject ความดันโลหิตสูง th_TH
dc.subject ข้าวไรซ์เบอร์รี่ th_TH
dc.subject ภาวะเครียดออกซิเดชัน th_TH
dc.subject ระบบประสาท th_TH
dc.subject สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ th_TH
dc.title ผลของการบริโภครำข้าวและจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ต่อการควบคุมความดันโลหิต การทำงานของหัวใจ และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง th_TH
dc.title.alternative Effects of Riceberry Bran and Germ Supplementation on Blood Pressure Control, Cardiac Function, and Cardiovascular Risks in Aging with Pre-hypertension en
dc.type Research th_TH
dc.author.email piyapong@buu.ac.th th_TH
dc.year 2562 th_TH
dc.description.abstractalternative The present study investigated and compared blood pressure (BP), cardiac autonomic nervous system (ANS) function, and cardiovascular risk factors before and after rice bran oil (RBO) and riceberry rice bran oil (RRBO) consumptions in Thai elderly with prehypertension (PHTN), and compared BP, cardiac ANS function, and cardiovascular risk factors after the RBO and RRBO consumptions in Thai elderly with PHTN. Subjects were 36 Thai elderly with PHTN consisted of 1 male and 35 females, age 66.50 ± 4.69 years, body mass index 24.11 ± 3.22 kg/m2, systolic BP and diastolic BP were 122.16 ± 11.80 and 73.58 ± 11.64 mmHg. Subjects were randomly divided into two groups: RBO group (n = 19) and RRBO group (n = 17). Subjects in both the RBO and RRBO groups received their own supplement for 1,000 mg daily (500 mg x 2 capsules/day) following breakfast for consecutive 8 weeks. All subjects were evaluated body composition, BP levels, heart rate variability which indicating cardiac ANS function, cardiovascular risk factors, oxidative stress, and inflammation before and after the 8-week consumption. The results showed that RBO group had significantly decreased oxidative stress (p = 0.000) and protein mass (p = 0.028), while RRBO group had significantly decreased oxidative stress (p = 0.001), inflammation (p = 0.007), and body mass (p = 0.024). Body mass index also tended to significantly decreae in the RRBO group (p = 0.052). When compared between the RBO and RRBO groups, BP levels, cardiac ANS function, cardiovascular risk factors, oxidative stress, and inflammation were not significantly different. However, heart rate tended to significantly lower in the RRBO group (p = 0.088). This study suggests that, in short-term, oxidative stress, inflammation, and body mass was decreased in the elderly with PHTN who regularly consumed RRBO. Further investigation in long-term consumption may elicit changes in BP and cardiac ANS function, as well as body composition. en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account