dc.contributor.author |
ฉลองชัย ธีวสุทรสกุล |
|
dc.contributor.other |
มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี. คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2019-05-22T07:03:19Z |
|
dc.date.available |
2019-05-22T07:03:19Z |
|
dc.date.issued |
2560 |
|
dc.identifier.uri |
http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3572 |
|
dc.description.abstract |
วัตถุประสงค์การวิจัย
1. พัฒนา รูปแบบการพัฒนาผู้สอนฟิสิกส์พื้นฐานระดับอุดมศึกษา ด้านการออกแบบกิจกรรม
การเรียนรู้ตามแนวคิด STEM Education โดยการศึกษาบทเรียน
2. ประเมนิผล รูปแบบการพัฒนาผู้สอนฟิสิกส์พื้นฐานระดับอุดมศึกษาด้านการออกแบบกิจกรรม
การเรียนรู้ตามแนวคิด STEM Education ในด้านต่อไปนี้
2.1 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนของผู้เรียน ระหว่างก่อนและหลังเรียน
2.2 เปรียบเทียบทัศนคตขิองผู้เรียนต่อวิชาฟิสิกส์ ระหว่างก่อนและหลังทดลอง
2.3 สอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน ต่อกิจกรรมสะเต็มศึกษาวิชาฟิสิกส์
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร คอื ผู้สอนและผู้เรียน วิชาฟิสิกส์พื้นฐานระดับอุดมศึกษา
กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สอนวิชาฟิสิกส์พื้นฐานระดับอุดมศึกษา 5 คน และ
นิสิตนักศึกษาจํานวน 295 คน
เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล คือ 1) แบบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียน 2) แบบสอบถามทัศนคติต่อวิชาฟิสิกส์
และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อกิจกรรมสะเต็มศึกษา ทุกฉบับมีค่าความเชื่อมั่นมากกว่า 0.80
ขั้นตอนการดําเนินการวิจัย
1. รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยการศึกษาเอกสารและงานวิจัย สนทนากลุ่ม (Focus group) และ
สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ
2. ออกแบบรูปแบบฯ และตรวจสอบปรับปรุงโดยการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ผู้ทรงคุณวุฒิ
จากนั้นนํารูปแบบฯ ให้ผู้สอนฟิสิกส์พื้นฐานระดับอุดมศึกษา 5 คน ทดลองใช้ออกแบบกิจกรรมสะเต็ม
ศึกษา แล้วนํามาทดลองสอนในชั้นเรียน 7 เรื่อง โดยใช้กระบวนการศึกษาบทเรียน (Lesson Study)
พร้อมวัดและประเมินผล
ผลการวิจัย
1. ได้รูปแบบการพัฒนาครูฟิสิกส์มัธยมศกึษา ด้านการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด
สะเต็มศึกษา มีขั้นตอนการปฏิบัติ 8 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ศึกษาทําความเข้าใจสะเต็มศึกษา
ขั้นที่ 2 ศึกษากระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ขั้นที่ 3 ศึกษาความแตกต่างระหว่างกิจกรรมสะเต็มศกึษา กับกิจกรรมเรียนรู้อื่น ๆ
ขั้นที่ 4 ออกแบบกิจกรรมสะเต็มศึกษาแบบอิงปัญหา ตามขั้นตอนต่อไปนี้
4.1 กําหนดสถานการณ์ปัญหา พร้อมเงื่อนไขหรือข้อจํากัด
4.2 กําหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้
4.3 กําหนดความรู้ใช้อธิบายสถานการณ์ปัญหา
4.4 วิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการแก้ปัญหา
4.5 เขียนแผนผังความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างปัจจัย
4.6 วิเคราะห์วิธีแก้ปัญหาวิธีต่าง ๆ ที่เป็นไปได้
4.7 วิเคราะห์เลือกวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
ขั้นที่ 5 ออกแบบวิธีวัดประเมิน
ขั้นที่ 6 ทดลองแก้ปัญหา (ทดลองออกแบบชิ้นงาน) และทดลองประเมิน
ขั้นที่ 7 นําข้อมูลทั้งหมดจากข้อ 4-6 มาเขียนแผนจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 8 นําไปทดลองใช้สอน และปรับปรุง วนรอบซ้ํา
รายละเอียดวิธีปฏิบัติแต่ละขั้นตอน อยู่ในภาคผนวก 3
2. ผลจากการให้ผู้สอนฟิสิกส์ 5 คน ทดลองใช้รูปแบบฯ ออกแบบกิจกรรมสะเต็มศึกษาลักษะ
อิงปัญหา (Problem based learning) ได้จํานวน 7 เรื่อง ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิประเมินว่าเกือบทุกกิจกรรมมี
คุณภาพอยู่ในระดับ “ปานกลาง” และจะมีคุณภาพมาก ถ้ามีวิศวกรให้คําแนะนํา
3. ผลจากการนํากิจกรรมสะเต็มศึกษา 7 เรื่อง ไปทดลองสอนในชั้นเรียน พบว่าผู้เรียนทุกกลุ่มมี
ทัศนคติต่อวิชาฟิสิกส์ มีผลสัมฤทธิ์การเรียน (ความสามารถในการบูรณาการความรู้ฟิสิกส์คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยี เพื่ออธิบายสถานการณ์ปัญหา) ดีขึ้นหรือสูงขึ้น รวมทั้งมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมสะเต็มศึกษาในระดับ “มาก”
4. พบว่าสิ่งที่ส่งผลต่อการพัฒนาสะเต็มศึกษาของประเทศไทย คือ ผู้สอนระดับอุดมศึกษามี
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสะเต็มศึกษาไม่มาก เข้าใจว่าสะเต็มศึกษาเป็นกิจกรรมเฉพาะระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งความไม่เข้าใจกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Process Design) และสถาบันอุดมศึกษายังไม่มีนโยบายและแนวปฏิบัติสะเต็มศึกษาไม่ชัดเจน |
th_TH |
dc.description.sponsorship |
โครงการวิจัยประเภทงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 มหาวิทยาลัยบูรพา |
th_TH |
dc.language.iso |
th |
th_TH |
dc.publisher |
คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาวิทยาเขตจันทบุรี |
th_TH |
dc.subject |
กิจกรรมการเรียนรู้ |
th_TH |
dc.subject |
ฟิสิกส์ -- การศึกษาและการสอน |
th_TH |
dc.subject |
สาขาการศึกษา |
th_TH |
dc.title |
รูปแบบการพัฒนาผู้สอนฟิสิกส์พื้นฐานระดับอุดมศึกษาด้านการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด STEM Education โดยการศึกษาบทเรียน |
th_TH |
dc.title.alternative |
The modes for development the instructors of fundamental physics in higher education level to design the learning activities based on the concept of STEM education by lesson study |
en |
dc.type |
Research |
th_TH |
dc.author.email |
chalongc@buu.ac.th |
th_TH |
dc.year |
2560 |
th_TH |
dc.description.abstractalternative |
Research Objectives
1. To develop the development model for physics teachers at Higher Education to
design the learning activities of STEM education with lesson study.
2. To evaluate the development model for physics teachers in Higher Education to
design the learning activities of STEM education with lesson study is several aspects as
follow:
2.1 Compare the student achievement before and after classes experiment.
2.2. Compare the students' attitudes towards physics before and after.
experiment.
2.3. Ask students’ satisfaction towards STEM learning activities.
Population and sample
The population is physics teachers at Higher Education.
The sample is consisted of 5 physics teachers at the Higher Education and 295
university students.
Data collection tools are included with 1) Achievement test, 2) Questionnaire of
attitude toward physics, 3) Satisfaction questionnaire for the STEM Education. All of
them have confidence values of more than 0.80.
Research Methodology
1. Collect relevant information, by studying the papers and research, focus group
discussions and interviews with experts.
2. Design Model and revised by focus group discussion. Then 5 physics teachers.
have a trial on Model and 7 STEM Education activities teach in classes.
3. Measure and evaluate experiment.
Research result
1. Have the development model for physics teachers at Higher Education to design the
learning activities of STEM education. There are 8 steps as follow.
Step 1: Understand STEM Education.
Step 2: Study the engineering process design.
step3: Study the differences between STEM Education learning activities
and other learning activities |
en |