Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยสู่ความสำเร็จในการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ทางการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพโดยใช้เทคนิคเดลฟาย ผู้ให้ข้อมูลคือผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 17 คน ได้มาจากการคัดเลือกแบบเจาะจง 5 คน และวิธีบอกต่อ 12 คน จากคุณสมบัติ ได้แก่ เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการพยาบาลที่ปฏิบัติงานเป็นอาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก และมีผลงานทางวิชาการและ/หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติการพยาบาลตามหลักฐานเชิงประจักษ์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แนวทางการสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน (1) ศึกษาและวิเคราะห์เอกสารเพื่อนำสาระที่ได้มากำหนดกรอบแนวคิดในการวิจัยและ
กรอบการสัมภาษณ์ (2) การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 รอบ โดยรอบที่ 1 เพื่อระบุปัจจัยสำคัญที่ทำให้พยาบาลใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการปฏิบัติการพยาบาล แล้วนำข้อมูลไปจัดกลุ่มจัดทำเป็นแบบสอบถามแบบประมาณค่า
5 ระดับ รอบที่ 2 นำแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่าที่ได้จากรอบที่ 1 ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตอบแบบสอบถามแล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาค่ามัธยฐานและค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ รอบที่ 3 นำข้อมูลในรอบที่สองมาสรุปแล้วนำไป
ให้ผู้เชี่ยวชาญยืนยันความคิดเห็นอีกครั้ง หลังจากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุป โดยกำหนดค่าที่ยอมรับได้ต้องมีค่ามัธยฐานเท่ากับหรือมากกว่า 3.50 และมีค่าพิสัยระหว่างควอไทล์น้อยกว่า 1.50 ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ทางการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพประกอบด้วย 6 ปัจจัย 37 องค์ประกอบ คือ (1) ปัจจัยด้านลักษณะองค์กร มี 9 องค์ประกอบ (2) ปัจจัยด้านลักษณะ ของผู้บริหารทางการพยาบาล มี 3 องค์ประกอบ (3) ปัจจัยด้านลักษณะของพยาบาลวิชาชีพ มี 13 องค์ประกอบ (4) ปัจจัยด้านลักษณะของสิ่งอำนวยความสะดวก มี 4 องค์ประกอบ (5) ปัจจัยด้านคุณภาพของงานวิจัยและหลักฐานเชิงประจักษ์ มี 5 องค์ประกอบ และ (6) ปัจจัย
ด้านการสื่อสารและการเข้าถึงหลักฐานเชิงประจักษ์ มี3 องค์ประกอบ จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่า ผู้บริหารทางการพยาบาลควรนำปัจจัย 6 ด้าน และ 37 องค์ประกอบ ไปประกอบการพัฒนารูปแบบในการส่งเสริมให้พยาบาล
วิชาชีพใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ทางการพยาบาล เพื่อพัฒนาคุณภาพการพยาบาล