DSpace Repository

ผลของการเสริมกรดไขมันและวิตามินซีลงในแพลงก์ตอนสัตว์ต่ออัตรารอด การเจริญเติบโต และพัฒนาการของลูกปลาแมนดาริน, Synchiropus splendidus (Herre,1927)

Show simple item record

dc.contributor.author ศิริวรรณ ชูศรี th
dc.contributor.author วิไลวรรณ พวงสันเทียะ th
dc.contributor.author เสาวภา สวัสดิ์พีระ th
dc.contributor.author ณัฐวุฒิ เหลืองอ่อน th
dc.contributor.author ศิรประภา ฟ้ากระจ่าง th
dc.contributor.author วรกานต์ เสถียรวงศ์นุษา th
dc.contributor.other สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.date.accessioned 2019-03-25T09:09:59Z
dc.date.available 2019-03-25T09:09:59Z
dc.date.issued 2559
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1952
dc.description.abstract การวิจัยนี้เป็นการศึกษาผลของการอนุบาลลูกปลาแมนดารินด้วยโรติเฟอร์และอาร์ทีเมียที่ เสริมด้วยกรดไขมันและวิตามินซีที่ระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ที่มีผลต่ออัตรารอด อัตราการเจริญเติบโต และระยะเวลาในการพัฒนาการของลูกปลาแมนดารินตั้งแต่แรกฟักจนถึงระยะที่มีการเปลี่ยนรูปร่าง (metamorphosis) โดยใช้ความหนาแน่นของลูกปลา 20 ตัวต่อลิตร ปริมาตรน้ำที่ใช้ จํานวน 5 ลิตร ความเค็มน้ำทะเลอยู่ที่ 31-33 ppt แต่ละชุดการทดลองทํา 3 ซ้ำ เมื่อลูกปลาอายุ 1- 20 วัน ให้โรติเฟอร์ที่ความหนาแน่น 20 ตัวต่อมิลลิลิตร และเมื่อลูกปลาอายุ 21 – 45 วัน เปลี่ยนจาก โรติเฟอร์เป็นอาร์ทีเมียที่ความหนาแน่น 3 ตัวต่อมิลลิลิตร ในการทดลองที่ 1 เป็นการศึกษาผลของ การเสริมกรดไขมันสําเร็จรูปให้กับโรติเฟอร์และอาร์ทีเมียที่ระดับความเข้มข้นแตกต่างกันคือ 0, 200, 400, 600 และ 800 มิลลิกรัมต่อลิตร (มก./ล.) ผลการวิจัยพบว่าระดับความเข้มข้นของกรดไขมัน สําเร็จรูปไม่มีผลต่ออัตราการรอดตาย อัตราการเจริญเติบโต และระยะเวลาในการพัฒนาการของลูกปลา (p>0.05) อัตรารอดที่ดีที่สุดอยู่ที่ระดับความเข้มข้น 600 มก./ล. (7.00±5.57%) รองลงมาคือ 400 มก./ล. (6.33±3.51%), 800 มก./ล. (4.33±2.52%), 0 มก./ล. (3.33±2.08%) และ 200 มก./ ล. (2.00±1.00%) ตามลําดับ การเจริญเติบโตด้านความยาวมาตรฐานและความยาวทั้งหมดดีที่สุดอยู่ ที่ระดับความเข้มข้น 200 มก./ล. (0.84±0.58, 1.09±0.75 ซม.) รองลงมาคือ 0 มก./ล. (0.76±1.39, 0.93±1.73 ซม.), 400 มก./ล. (0.66±1.24, 0.85±2.05 ซม.), 600 มก./ล. (0.63±0.89, 0.81±0.19 ซม.) และ 800 มก./ล. (0.58±0.24, 0.73±0.47 ซม.) ตามลําดับ น้ำหนักดีที่สุดอยู่ที่ความเข้มข้น 200 มก./ล. (0.11±0.15 กรัม) ลูกปลาลงพื้นครบทุกตัวทุกชุดการทดลองที่อายุ 26 วัน และลูกปลา แมนดารินเริ่มมีการลงพื้นเร็วที่สุดที่อายุ 11 วัน ในการทดลองที่ 2 เป็นการศึกษาผลของการเสริมกรด ไขมันเตรียมเองให้กับโรติเฟอร์และอาร์ทีเมียที่ระดับความเข้มข้นแตกต่างกันคือ 0, 200, 400, 600 และ 800 มก./ล. ผลการวิจัยพบว่าระดับความเข้มข้นของกรดไขมันเตรียมเองไม่มีผลต่ออัตราการ รอดตาย อัตราการเจริญเติบโต และระยะเวลาในการพัฒนาการของลูกปลา (p>0.05) อัตรารอดที่ดี ที่สุดอยู่ที่ระดับความเข้มข้น 800 มก./ล. (4.33±2.33%) รองลงมาคือ 600 มก./ล. (1.67±0.33%), 400 มก./ล. (1.67±0.33%), 200 มก./ล. (1.67±0.67%) และ 0 มก./ล. (1.00±0.00%) ตามลําดับ การเจริญเติบโตด้านความยาวมาตรฐานและความยาวทั้งหมดดีที่สุดอยู่ที่ระดับความเข้มข้น 400 มก./ล. (0.67±0.51, 0.83±0.50 ซม.) รองลงมาคือ 0 มก./ล. (0.67±0.79, 0.78±0.81 ซม.), 600 มก./ล. (0.59±0.32, 0.74±0.43 ซม.), 800 มก./ล. (0.58±0.53, 0.71±0.45 ซม.) และ 200 มก./ล. (0.51±0.52, 0.63±0.60 ซม.) ตามลําดับ น้ำหนักดีที่สุดอยู่ที่ความเข้มข้น 800 มก./ล. (0.0426±0.02 กรัม) รองลงมาคือ 0 มก./ล. (0.0274±0.01 กรัม), 400 มก./ล. (0.0219±0.00 กรัม), 600 มก./ล. (0.0174±0.00 กรัม) และ 200 มก./ล. (0.0098±0.00 กรัม) ตามลําดับ ลูกปลาลงพื้นครบทุกตัวทุกชุดการทดลองที่อายุ 22 วัน และลูกปลาแมนดารินเริ่มมีการลงพื้นเร็วที่สุดที่อายุ 7 วัน ในการทดลองที่ 3 เป็นการศึกษาผลของการเสริมวิตามินซีที่ระดับความเข้มข้นแตกต่างกันคือ 0, 100, 200 และ 300 มก./ล. ผลการวิจัยพบว่าระดับความเข้มข้นของกรดไขมันเตรียมเองไม่มีผล ต่ออัตราการรอดตาย อัตราการเจริญเติบโต และระยะเวลาในการพัฒนาการของลูกปลา (p>0.05) อัตรารอดที่ดีที่สุดอยู่ที่ระดับความเข้มข้น 0 มก./ล. (8.00±3.60%) รองลงมาคือ 100 มก./ล. (6.00±3.60%), 300 มก./ล. (3.66±2.66%) และ 200 มก./ล. (1.00±1.00%) ตามลําดับ การ เจริญเติบโตด้านความยาวมาตรฐานและความยาวทั้งหมดดีที่สุดอยู่ที่ระดับความเข้มข้น 200 มก./ล. (1.00±1.00, 1.16±3.09 ซม.) รองลงคือ 0 มก./ล. (0.80±3.60, 0.99±1.52 ซม.), 100 มก./ล. (0.60±3.60, 1.06±2.22 ซม.) และ 300 มก./ล. (0.37±2.66, 0.97±1.80 ซม.) ตามลําดับ น้ําหนักดี ที่สุดอยู่ที่ความเข้มข้น 300 มก./ล. (0.053±0.02 กรัม) รองลงมาคือ 200 มก./ล. (0.041±0.02 กรัม), 100 มก./ล. (0.0363±0.002 กรัม) และ 0 มก./ล. (0.0245±0.01 กรัม), และ ตามลําดับ ลูก ปลาลงพื้นครบทุกตัวทุกชุดการทดลองที่อายุ 20 วัน และลูกปลาแมนดารินเริ่มมีการลงพื้นเร็วที่สุดที่ อายุ 11 วัน th_TH
dc.description.sponsorship โครงการวิจัยประเภทงบประมาณเงินรายได้ จากเงินอุดหนุนรัฐบาล(งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 en
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject กรดไขมัน th_TH
dc.subject ปลาแมนดาริน th_TH
dc.subject แพลงก์ตอน th_TH
dc.subject สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา th_TH
dc.title ผลของการเสริมกรดไขมันและวิตามินซีลงในแพลงก์ตอนสัตว์ต่ออัตรารอด การเจริญเติบโต และพัฒนาการของลูกปลาแมนดาริน, Synchiropus splendidus (Herre,1927) th_TH
dc.title.alternative Effects of fatty acid and vitamin C enrichment in zooplankton on survival rate, growth and development of the Mandarinfish larvae, Synchiropus splendidus (Herre,1927) en
dc.type Research
dc.year 2559
dc.description.abstractalternative The objective of the present study was to examine levels of fatty acid (FA) and vitamin C enrichment in rotifers (Brachionus plicatilis) and Artemia and their effect on survival, growth, larval development and metamorphosis of mandarinfish (Synchiropus splendidus). The 100 larvae (20 larvae/l) were reared in 5 l of 33-34 ppt. seawater for a period of 45 days. The treatment had 3 replications. All treatments, the fish aged between 1-20 days old were fed with rotifers at a ratio of 20 individuals/ml and then they were switched to Artemia at a ratio of 3 individuals/ml from day 21 onwards. Experiment 1 for testing the effect of enriched with faffy acid by Easy DHA Selco at different levels 0, 200, 400, 600 and 800 mg/l. There were no significant differences (p>0.05) between the treatments in their survival, growth and larval development. The larvae that were fed the enriched-live feeds at a ratio of 600 mg/l showed the highest survival rate (i.e. 7.00±5.57%), followed by those fed the 400 mg/l (6.33±3.51%), 800 mg/l (4.33±2.52%), 0 mg/l (3.33±2.08%) and 200 mg/l. (2.00±1.00%) diets respectively. The highest standard and total lengths of the larvae were found in those fed the 200 mg/l (0.84±0.58 cm, 1.09±0.75 cm), followed by those fed at 0 mg/l (0.76±1.39 cm, 0.93±1.73 cm), 400 mg/l (0.66±1.24 cm, 0.85±2.05 cm), 600 mg/l (0.63±0.89 cm, 0.81±0.19 cm) and 800 mg/l (0.58±0.24 cm, 0.73±0.47 cm) respectively. The larvae fed at 200 mg/l also had the highest average weight (0.11±0.15 g). All the larvae completed their metamorphosis within 26 days, with the first larvae recorded as completing their metamorphosis on day 11. Experiment 2 for testing the effect of enriched with fatty acid at different levels 0, 200, 400, 600 and 800 mg/l. There were no significant differences (p>0.05) between the treatments in their survival, growth and larval development. The larvae that were fed the enriched-live feeds at a ratio of 800 mg/l showed the highest survival rate (4.33±2.33%), followed by those fed the 600 mg/l (1.67±0.33%), 400 mg/l (1.67±0.33%), 200 mg/l (1.67±0.67%) and 0 mg/l. (1.00±0.00%) diets respectively. The highest standard and total lengths of the larvae were found in those fed the 400 mg/l (0.67±0.51 cm, 0.83±0.50 cm), followed by those fed at 0 mg/l (0.67±0.79 cm, 0.78±0.81 cm), 600 mg/l (0.59±0.32 cm, 0.74±0.43 cm.), 800 mg/l (0.58±0.53 cm,0.71±0.45 cm) and 200 mg/l (0.51±0.52 cm, 0.63±0.60 cm) respectively. The larvae fed at 800 mg/l also had the highest average weight (0.0426±0.02 g) followed by those fed at 0 mg/l (0.0274±0.01 g), 400 mg/l (0.0219±0.00 g), 600 mg/l (0.0174±0.00 and 200 mg/l. (0.0098±0.00 g) respectively. All The larvae completed their metamorphosis within 22 days, with the first larvae recorded as completing their metamorphosis on day 7. Experiment 3 for testing the effect of enriched with vitamin C at different levels 0, 100, 200 and 300 mg/l. There were no significant differences (p>0.05) between the treatments in their survival, growth and larval development. The larvae that were fed the enriched-live feeds at a ratio of 0 mg/l showed the highest survival rate (8.00±3.60%), followed by those fed the 100 mg/l (6.00±3.60%), 300 mg/l (3.66±2.66%) and 200 mg/l. (1.00±1.00%) diets respectively. The highest standard and total lengths of the larvae were found in those fed the 200 mg/l (1.00±1.00 cm, 1.16±3.09 cm), followed by those fed at 0 mg/l (0.80±3.60 cm, 0.99±1.52 cm), 100 mg/l (0.60±3.60 cm, 1.06±2.22 cm.) and 300 mg/l (0.37±2.66 cm, 0.97±1.80 cm) respectively. The larvae fed at 300 mg/l also had the highest average weight (0.053±0.002 g) followed by those fed at 200 mg/l. (0.041±0.02 g) ,200 mg/l (0.041±0.02 g), 100 mg/l. (0.0363±0.002 g) and 0 mg/l. (0.0245±0.01 g) respectively. All The larvae completed their metamorphosis within 20 days, with the first larvae recorded as completing their metamorphosis on day 11. en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account