Abstract:
แม้ว่าการก้าวเข้าสู่วัยชราเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สามารถทำให้ผู้สูงวัยกลายเป็นผู้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ เนื่องจากการจัดการการดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและสะท้อน
ให้เห็นถึงบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตของผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตดี การวิจัยเชิงปรากฏการณ์ถูกนำมาใช้เก็บรวบรวมข้อมูล
โดยการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้างในเชิงลึกด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง สิบสองผู้เข้าร่วมอายุเกิน 60 ปีที่มีคะแนนในแบบประเมินระดับคุณภาพที่ดีของชีวิต
โดย WHOQOL 26 รายการ ศึกษาผู้ที่อาศัยอยู่ในเทศบาลเมืองแสนสุขชลบุรี ประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกันยายน พ.ศ. 2558 ซึ่งได้รับการสำรวจใน
3 ด้านดังนี้ 1) การดำเนินชีวิตของบุคคลและคติประจำใจในการดำเนินชีวิต 2) การจัดการสุขภาพของแต่ละบุคคลและ 3) การสนับสนุนประเด็นสำหรับการแก้ปัญหาแล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ หลังจากนั้นได้ทำการถ่ายทอดไปยังผู้สูงอายุและผู้ดูแลผู้ป่วยในชุมชนด้วยวิธีการสนทนากลุ่ม ผลการศึกษาพบว่าทั้งหมดของผู้เข้าร่วมมีความภูมิใจที่ได้เป็นตัวเอง มีความเพียงพอและให้ความเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำกิจกรรมทางกายต่าง ๆ รวมถึงการออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน เช่น การออกกาลังกาย เดินไปซื้อของ, ทำงานอดิเรก, ทำอาหารหรือทำงานบ้านตามปกติ พวกเขายอมรับการเจ็บป่วยทางกายว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญซึ่งไม่ได้รับความเดือดร้อน พวกเขามีการจัดการความตึงเครียด มีความสมดุลทางการเงินลูกหลานชื่นชมและ มีความตระหนักในตนเอง ได้รับการยอมรับและได้รับการสนับสนุนซึ่งกันและกันจากชุมชน ผู้ให้ข้อมูลทุกคนมีความตั้งใจอย่างจริงจังที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบทางพุทธศาสนา ดังนั้นผู้สูงอายุมีความสุขที่พึ่งพาตัวเองได้ และความเข้าใจการรับรู้ความสามารถของตนเองนั้นทำให้ดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุล ไม่เครียดและสามารถที่จะมีชีวิตอยู่กับคนอื่น ๆ ในสังคมรวมทั้งชื่นชมว่า
ทุกคนรอบ ๆ คือเพื่อนบ้านที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ดั่งเพื่อน