dc.contributor.author | เวธกา กลิ่นวิชิต | |
dc.contributor.author | พิสิษฐ์ พิริยาพรรณ | |
dc.contributor.author | มยุรี พิทักษ์ศิลป์ | |
dc.contributor.author | รัชนีภรณ์ ทรัพย์กรานนท์ | |
dc.contributor.author | สรร กลิ่นวิชิต | |
dc.contributor.author | พวงทอง อินใจ | |
dc.contributor.author | สุนันทา โอศิริ | |
dc.contributor.author | วนัสรา เชาวน์นิยม | |
dc.contributor.author | ทนงศักดิ์ ยิ่งรัตนสุข | |
dc.contributor.author | ดนัย บวรเกียรติกุล | |
dc.contributor.author | กาญจนา พิบูลย์ | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะแพทยศาสตร์ | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะพยาบาลศาสตร์ | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสาธารณสุขศาสตร์ | |
dc.date.accessioned | 2019-03-25T09:08:38Z | |
dc.date.available | 2019-03-25T09:08:38Z | |
dc.date.issued | 2558 | |
dc.identifier.uri | http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1741 | |
dc.description.abstract | แผนงานวิจัย ปีที่ 2 ระยะที่ 2 นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเมืองผู้สูงอายุ มีโครงการวิจัยย่อยภายใต้แผนงานวิจัยจำนวน 10 โครงการวิจัยย่อย ซึ่งมีวัตถุประสงค์ย่อย ดังนี้ 1) เพื่อจัดทำและพัฒนาฐานข้อมูลของผู้สูงอายุในพื้นที่เทศบาลเมืองแสนสุข และศึกษาพัฒนาวิถีสุขภาพของผู้สูงอายุและแกนนำสุขภาพครอบครัวในพื้นที่เทศบาลเมืองแสนสุข 2) เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของแกนนำนิสิต และพัฒนารูปแบบการพัฒนาแกนนำนิสิตเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ตามบริบทของพื้นที่ในชุมชนต้นแบบ พื้นที่เทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 3) เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาแกนนำสุขภาพครอบครัวและชุมชนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ 4) เพื่อประเมินและติดตามผลการนำรูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานตามรูปแบบที่ครอบครัวและชุมชนร่วมกันกำหนดขึ้น 5) เพื่อศึกษาผลการใช้เทคนิคสัญญาณพลังแบบองค์รวมและ ตามทฤษฎีโปรแกรมภาษาประสาทสัมผัส ต่อความเครียดของ ผู้สูงอายุทีเป็นโรคเรื้อรัง 6) เพื่อศึกษาผู้สูงอายุจิตอาสาต้นแบบและนำ คุณลักษณะ มาพัฒนารูปแบบสร้างแกนนำผู้สูงอายุจิตอาสา โดยจัดกิจกรรมพัฒนาความรู้ทักษะ ผู้สูงอายุให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมในการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันปัญหาสุขภาพ และเสริมสร้างความสุขทางใจสำหรับผู้สูงอายุที่มีจิตอาสา 7) เพื่อสังเคราะห์และพัฒนารูปแบบการดูแลภาวะโภชนาการและภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุแบบบูรณาการ 8) เพื่อศึกษาภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุด้วยการแพทย์แผนไทย และพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุด้วยการแพทย์แผนไทย โดยใช้วิธีการจัดการความรู้ (KM) 9) เพื่อสร้างรูปแบบการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุแบบไปกลับในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา วิธีการดำเนินการวิจัย ใช้วิจัยเชิงสำรวจ วิจัยกึ่งทดลอง วิจัยเชิงพัฒนาและวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ระยะเวลาในการศึกษา ตั้งแต่ ตุลาคม 2557-กันยายน 2558 ผลการวิจัย พบว่า 1. ปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตเทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี พบว่า ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุจะเป็นโรคเรื้อรัง มีอาการของการปวดเข่าและข้อเสื่อมตามวัยที่สูงวัยขึ้น และมีโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นโรคประจำตัว คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง 2. รูปแบบการพัฒนาแกนนำสุขภาพครอบครัวและชุมชนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก คือ 1) ผู้ดูแลทีเป็นแกนนำสุขภาพครอบครัว/ชุมชน ซึ่งมีองค์ประกอบย่อย คือ ศักยภาพหรือความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุ 3 ด้าน คือการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจ การเตรียมความพร้อมทางด้านความรู้ และการเตรียมความพร้อมทางด้านการปฏิบัติการดูแล 2) การสนับสนุนทางสังคม ซึ่งมีองค์ประกอบย่อย คือ การสนับสนุนด้านจิตใจ การสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้และทรัพยากรต่างๆ การสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้และทรัพยากรต่างๆ การสนับสนุนข้อมูลข่าวสารความรู้และการสนับสนุนเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถดูแลตนเองได้ 3) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในชุมชน แพทย์ พยาบาล เป็นต้น 4) ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของรูปแบบ ที่มุ่งพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ด้านร่างกาย จิตใจ/จิตวิญญาณ สังคม และสิ่งแวดล้อม 3. ผู้สูงอายุในเขตเทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี ทีเป็นโรคเบาหวาน ส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเบาหวาน พฤติกรรมการดูแลตนเอง ในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง โดยมีพฤติกรรมการจัดการความเครียด อยู่ในระดับ ต่ำ ยังมีพฤติกรรมการรับประทานยาที่ผิด และมีปัญหาเรื่องการพักผ่อน นอนหลับอย่างเพียงพอทุกวัน มีความพร้อมด้านการสนับสนุนทางสังคม ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่ดีทำให้เป็นโอกาสและจุดแข็งของชุมชนในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุทีเป็นโรคเรื้อรังให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 4. ผลการให้คำปรึกษาแก่ผู้สูงอายุที่เป็นโรคเรื้อรังที่ โดยใช้เทคนิคสัญญาณพลังแบบองค์รวมตามทฤษฎีโปรแกรมภาษาประสาทสัมผัสต่อความเครียดของผู้สูงอายุ พบว่า มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างวิธีการทดลองกับระยะเวลาของการทดลองอย่างมีวินัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผู้สูงอายุทีเป็นโรคเรื้อรังและมีความเครียดกลุ่มทดลองที่ได้รับการให้คำปรึกษามีระดับความเครียดในระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลต่ำกว่าผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มควบคุมที่ได้รับการให้คำปรึกษาด้วยวิธีปกติอย่างมีวินัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผู้สูงอายุกลุ่มทดลองมีระดับความเครียดในระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลต่ำกว่าระยะก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5. หลักสูตรการฝึกอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุด้วยการแพทย์แผนไทย โดยใช้วิธีการจัดการความรู้ (KM) กิจกรรมที่ผู้เข้ารับการอบรมส่วนใหญ่ พึงพอใจในระดับมากที่สุด เป็นการทำอาหารเพื่อสุขภาพ กายบริหารท่าฤาษีดัดตน การนวดตนเอง การทำลูกประคบ การสวดมนต์ การเดินจงกรม บทพิจารณาความตาย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้เข้ารับการอบรมสามารถมีส่วนร่วมได้ การสัมภาษณ์ติดตามผลในระยะเวลา 2 เดือนหลังการอบรม พบว่า เข้าร่วมโครงการ สามารถนำความรู้ที่ได้รับจาก การอบรมไปใช้ในชีวิตประจำวัน และไปเผยแพร่หรือช่วยเหลือผู้สูงอายุอื่นต่อไปได้อย่างบูรณาาการ 6. ผู้สูงอายุในชุมชนเขาสามมุก เขตเทศบาลเมืองแสนสุข ส่วนใหญ่ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับแหล่งการเรียนรู้ (60.0%) ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง (50.0%) ไม่รู้วิธีการเรียนรู้ (50.0%) และไม่เคยได้รับการฝึกทักษะในการเรียนรู้ (50.0%) และมีความต้องการได้รับการพัฒนาทักษะในการเรียนรู้ (55.0%) รูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นคือ โครงการอบรมให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุเรื่องปัญหาสุขภาพจากการทำงาน จากนั้นกลุ่มตัวอย่างนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีการหยุดพักหรือเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างการทำงานเป็นระยะๆ บางคนเข้าร่วมกิจกรรมออกกำลังกายโดยการรำกระบองทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน ผลการเปรียบเทียบภาวะพฤฒิพลังพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีภาวะพฤฒิหลังเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 7. สภาพการสุขาภิบาลสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุทางด้านกายภาพ อยู่ในระดับดี ในด้านความปลอดภัย อยู่ในระดับพอใช้ สภาพอุปกรณ์ความสะดวกและความปลอดภัยภายในชุมชนที่อยู่อาศัยของสำหรับผู้สูงอายุ ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ความคิดเห็นและความต้องการต่อการจัดการที่อยู่อาศัย พบว่า ผู้สูงอายุกลุ่มตัวอย่างต้องการสนับสนุนด้านอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงและดัดแปลงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุมากที่สุด (ร้อยละ 44.69) ความคิดเห็นและความต้องการต่อการจัดการอาคารสถานที่สาธารณะ พบว่า ผู้สูงอายุต้องการให้วัด/ศาสนสถานมีการจัดการให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุมากที่สุด (ร้อยละ 47.81) การสัมภาษณ์เชิงลุก สรุปได้ว่า ควรมีโครงการและกิจกรรมการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุโดยการสนับสนุนจากเทศบาล และภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือ ปรับปรุงอาคารสาธารณะในพื้นที่ของเทศบาลให้เอื้อต่อการใช้บริการของผู้สูงอายุอย่างทั่วถึง มีการให้ความรู้ถึงพฤติกรรมและท่าทางการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันที่ถูกต้องสำหรับผู้สูงอายุ ตามหลักการยศาสตร์โดยต้องอาศัยมาตรการการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เป็นหลัก และจำเป็นต้องกำหนดไว้เป็นแผนงานและโครงการในยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ 8. การศึกษาความคิดเห็นของผู้สูงอายุเกี่ยวกับรูปแบบการให้บริการแบบไปกลับ ส่วนใหญ่เห็นว่า ควรมีห้องหรือพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน มีบริเวณที่เป็นสนามหญ้าหรือสวนหย่อมเพื่อใช้ในการพักผ่อน มีพื้นที่สำหรับออกกำลังกายกลางแจ้งและร่ม มีห้องทำกิจกรรมทางศาสนา และมีห้องพักผ่อนหรือดูทีวีส่วนกลาง ความต้องการด้านบริการ พบว่า สถานบริการดูแลผู้สูงอายุแบบไปกลับควรมีกิจกรรมตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้ผู้สูงอายุเดือนละ 1 ครั้ง ควรมีกิจกรรมตรวจสุขภาพฟันให้ผู้สูงอายุปีละ 2 ครั้ง ควรมีการจัดเตรียมอาหารกลางวัน และอาหารว่างให้ผู้สูงอายุควรมีกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพ หรือกิจกรรมการให้ความรู้เรื่องสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ ควรมีกิจกรรมนันทนาการให้แก่ผู้สูงอายุ ควรมีบริการรับส่งที่บ้าน และ ควรมีบริการรถรับส่งผู้สูงอายุไปโรงพยาบาลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และต้องการให้มีสถานบริการดูแลผู้สูงอายุแบบไปกลับในชุมชน มีความสนใจไปใช้บริการดูแลผู้สูงอายุแบบไปกลับ และคิดว่าถ้ามีสถานบริการผู้สูงอายุแบบไปกลับในชุมชนมีประโยชน์มาก ผลการศึกษาในเชิงคุณภาพ พบว่า กิจกรรมบริการทางสังคมให้เน้นการบริการแบบดูแลทั่วไปในกิจวัตรประจำวันที่ครอบคลุมการบริการเรื่อง อาหาร การทำความสะอาดร่างกาย อาบน้ำ การเข้าห้องน้ำ การรับประทานยา หรือกิจกรรมสันทนาการรูปแบบบริการทางการแพทย์เน้นบริการ การรักษาพยาบาลบางเรื่องเช่น กายภาพบำบัด หรือ กิจกรรมบำบัด เป็นต้น | th_TH |
dc.description.sponsorship | ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | |
dc.language.iso | th | th_TH |
dc.publisher | คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา | th_TH |
dc.subject | การดูแลผู้สูงอายุ | th_TH |
dc.subject | ความเคลียดในผู้สูงอายุ | th_TH |
dc.subject | ผู้สูงอายุ | th_TH |
dc.subject | สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ | th_TH |
dc.subject | สุขภาพผู้สูงอายุ | th_TH |
dc.title | การพัฒนาเมืองผู้สูงอายุแสนสุข (ปีที่2) | th_TH |
dc.title.alternative | Development Saensuk happiness elderiy community model (Phase II) | th_TH |
dc.type | Research | |
dc.year | 2558 | |
dc.description.abstractalternative | The purpose of this research program was to develop Saensuk happiness elderly community model. There were 10 projects under the programs. Sub-objectives were 1) to develop elder information in Saensuk Municipality 2) to enhance capability of student leaders for elderly health care and develop health care model for the elderly in this community 3) to develop 3) to develop health care model for the elderly care in families and community 4) to evaluate and follow up the model of health care in diabetes’ Elderly 5) to determine the effects of Neuro-Linguistic Programming counseling on stress of the elderly with chronic illness at Saensuk municipality 6) to study the role model of the elderly with volunteer’s mind and building team to volunteer and self-help group group 7) to study and develop nutritional care and health care with integrated model for elderly 8) to study health promotion model with thai traditional medicine and develop training program for elderly health health care with Knowledge management 9) to survey house sanitation of safety for elderly person by operating in the area of Saensuk municipality Chonburi province 10) to develop an elderly an elderly day care model in the university hospita. The population of this research program was the elderly, the family members and health leaders in Saensuk Municipality, Chon Buri, THAILAND. Research methodologies were survey, quasi-experimental, participatory action research, research and development, and qualitative research. Study time since October 2014 to September 2015. Lt was found that; 1. Health problems in the elderly in Saensuk municipality found that mostly had chronic lllness such as; Osteoarthritis and non-communicable disease, NCD; Hypertension, Diabetic Mellitus and Hyperlipidemia. 2. The Model for elderly health care in health leaders in family and community has four components naments namely; 1) Care givers in family/community should be has 3 readiness’s aspects of knowledge, attitude and practice to care the older. 2) Social support should be has 4 aspects of emotional, instrument, information and support 3) Organization support such as; Local administration organization, public health volunteers, public health providers, doctor and nurse etc. 4) The elderly who was the results of model should be enhance the quality of life in 4 aspects; physical, mental and spiritual, social ,and environment. 3. Mostly of the elderly with diabetics mellitus lack of understanding, knowledge and Health behavior that were in medium level with the lowest in stress management, drug compliance and sleep problems. Nevertheless, the elderly in this community had good social support that be the strength of the community to develop effectively health care system for the elderly. 4. The results of the effects of Neuro-Linguistic Programming counseling on stress of the elderly with chronic illness found that the interactive between the method and the duration of the experiment was statistically significant at the .05 level. The elderly in the experimental group had lower stress score those in the post-test and the follow up phases with the statistical significance at .05 level. The stress score of the elderly in the experimental group was found to be lower during the post-test and the follow up phases than during the pretest with the statistical significance at .05 level. 5. The training program for the elderly health care with thai traditional medicine by using knowledge management found that the participants satisficed mostly in healthy food course, physical exercise, Thai massage, Thai herbal ball making, Buddhist priest, walking meditation, and death consideration that they had the participatory action in this program. In follow up phase 2 months found that they can use and integrated their knowledge to their daily life and help their friends. 6. Mostly of the elderly in Sammuk community lack of knowledge adout resource of Learning(60%), never participated in self-care learning (50%), lack of knowledge in learning process and never been trained for learning skill(50%). Their needs to develop their learning skill(55%) and The learning skill model was training program for enhance their quality of work health. After the elderly has learned, they can apply their knowledge and skill in daily life by relaxation management or change their position during work for relaxing and someone can do their exercise every day in 1 month. The comparison between pre-post learning to enhance active aging found the learning was higher than the pre learning with statically significant at .05 level. 7. The basic safety of housing for elderly person from surveying house sanitation of safety for elderly person in the ares of Saensuk municipality Chonburi province found that sanitation condition of elderly person house in physical factors gets gets the result of a good stage. The sanitation condition of elderly person house in safety factors gets the result of a satisfied stage. The safety and convenience equipment in house of elderly person gets the result in unsatisfied stage. Comment and demand for housing management found that sample of elderly person needs supporting of equipment to improve (44.69%) and modify house for temple/worship place to improve and modify to fit in with elderly physical is the most (47.81%). The result of depth interview is summarized that it is suitable to set project and activity to adjust house to fit in with the physical of elderly person by supporting from municipality and private sectors that collaborate and improve public building in area of municipality and private sectors that collaborate and improve public building in area of service elderly person thoroughly. And it is suitable to promote knowledge about the behavior and movement in daily life that is fit in with physical of elderly person in principle of ergonomic by campaign and information measurement usage mainly. All of these mentioned needs to be set as plan and project in strategic of social and quality of lift developing of Saensuk municipality. 8 The stud of elderly perceptions with elderly day care model found that almost the participant reported physical structure of day-care should have area for doing activities together, outdoor relax area, indoor and outdoor exercise areas, religion activity room, and living room. For basic of services, almost the participant report day care services should provide basic healt assessment once a mouth, teeth assessment twice year, food for elderly people, health promotion activities, relaxes activities, transportation from home to day care and ambulance for emergency care. Furthermore, the participants reported that day care for the elderly were needed in their community, the participants revealed they were interested to use the day care, and the participants reported that day care for the elderly was valuable for them. For the qualitative study, the research teams concludes that day care services model that the participants need was mix model from social and medical models. For social model services including general care for the elderly, such as food management, bath and toilet care, administer medication, or relax activities. For medical model services, medical treatments including physical therapy or occupational therapy | en |