แนวทางการพัฒนาการปฎิบัติงานและดำเนินงานบัณฑิตศึกษา คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ปนัดดา แฉ่งสงวน; ปณิตา แฉ่งสงวน

dc.contributor.author	ปนัดดา แฉ่งสงวน
dc.contributor.author	ปณิตา แฉ่งสงวน
dc.date.accessioned	2024-12-04T11:27:37Z
dc.date.available	2024-12-04T11:27:37Z
dc.date.issued	2567
dc.identifier.uri	https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17371
dc.description.abstract	การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ (Cross sectional analytic study) มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นต่อการปฏิบัติงานและดำเนินงานบัณฑิตศึกษา ในด้านกระบวนการ และขั้นตอนการให้บริการ ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และด้านผลของการให้บริการ เพื่อพัฒนาแนวทางการปฏิบัติงานและดำเนินงานบัณฑิตศึกษา คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เก็บข้อมูลในกลุ่มตัวอย่างนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน 87 คน ระหว่างเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2567 ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 64.4 เพศชาย ร้อยละ 35.6 มีอายุระหว่าง 20 – 30 ปี ร้อยละ 81.6 ศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นๆ ร้อยละ 58.6 มีประสบการณ์ทำงาน 1 – 5 ปี ร้อยละ 58.6 กำลังศึกษารัฐศาสตร์มหาบัณฑิต ร้อยละ 54 ส่วนใหญ่อยู่ชั้นปีที่ 2 ร้อยละ 55.2 ความถี่ในการใช้บริการงานบัณฑิตศึกษา ส่วนใหญ่จำนวน 1 ครั้ง ร้อยละ 36.8 ความคาดหวังต่อคุณภาพบริการของงานบัณฑิตศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( ค่าเฉลี่ย = 4.17, SD. = 0.569) เรียงลำดับค่าเฉลี่ย คือ ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ( ค่าเฉลี่ย = 4.26, SD. = 0.604) ด้านผลของการให้บริการ ( ค่าเฉลี่ย = 4.22, SD. = 0.621) ด้านกระบวนการและขั้นตอนการให้บริการ ( ค่าเฉลี่ย = 4.17, SD. = 0.507) และด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ( ค่าเฉลี่ย =4.06, SD.= 0.696) ตามลำดับ ความคิดเห็นต่อคุณภาพบริการของงานบัณฑิตศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( ค่าเฉลี่ย = 4.28, SD. = 0.155) เรียงลำดับค่าเฉลี่ยคือ ด้านผลของการให้บริการ ( ค่าเฉลี่ย = 4.69, SD. = 0.222) ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ( ค่าเฉลี่ย = 4.38, SD.= 0.224) ด้านกระบวนการและขั้นตอนการให้บริการ ( ค่าเฉลี่ย = 4.33, SD.= 0.191) และด้านสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ในระดับมาก ( ค่าเฉลี่ย = 4.19, SD. = 0.401) นอกจากนี้พบว่า ปัจจัยที่แตกต่างกันส่งผลให้มีความคาดหวังต่อคุณภาพบริการของงานบัณฑิตศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ได้แก่ นิสิตที่มีอายุ 41 – 50 ปี มีประสบการณ์ทำงาน 11 - 15 ปี และกำลังศึกษารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความคาดหวังและความคิดเห็นต่อคุณภาพบริการของงานบัณฑิตศึกษารายด้าน พบว่าความคาดหวังภาพรวมมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความคาดหวังด้านสิ่งอำนวยความสะดวก (r = 0.961) ความคิดเห็นด้านสิ่งอำนวยความสะดวก (r = 0.598) ความคิดเห็นด้านผลของการให้บริการ (r = 0.475) ความคิดเห็นภาพรวม (r = 0.775) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จากการศึกษานี้ ทำให้เห็นว่างานบัณฑิตศึกษา คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาควรสนับสนุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวก จัดให้มีอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเพียงพอต่อการให้บริการอยู่ตลอดเวลา เช่น คอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อความสะดวกในการค้นหาข้อมูล และจัดสถานที่ให้มีความสะอาดต่อการเข้ารับบริการ	th_TH
dc.description.sponsorship	อุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประเภท งบประมาณเงินอุดหนุนการวิจัยจากเงินรายได้ส่วน มหาวิทยาลัยบูรพา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566	th_TH
dc.language.iso	th	th_TH
dc.publisher	คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา	th_TH
dc.subject	การพัฒนา	th_TH
dc.subject	การปฎิบัติงาน	th_TH
dc.subject	การดำเนินงาน	th_TH
dc.title	แนวทางการพัฒนาการปฎิบัติงานและดำเนินงานบัณฑิตศึกษา คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา	th_TH
dc.title.alternative	Guidelines For Development on Implementation and Operation of Graduate Studies, Faculty of Political Science and Law, Burapha University	th_TH
dc.type	Research	th_TH
dc.year	2567	th_TH
dc.description.abstractalternative	This research is a cross-sectional analytic study aimed at exploring opinions on the operation and management of graduate studies, focusing on service processes and procedures, service staff, facilities, and service outcomes, with the goal of developing improved practices for the Graduate Studies Office at the Faculty of Political Science and Law, Burapha University. Data were collected from a sample of 87 graduate students from the Faculty of Political Science and Law at Burapha University between April and July 2024. The findings revealed that the majority of the sample were female (64 .4%) and male (35.6%), with an age range of 20 to 30 years (81.6%). Most participants were not engaged in other professions (58.6%) and had 1 to 5 years of work experience (58.6%). The majority were pursuing a Master’s degree in Political Science (54%) and were in their second year of study (55.2%). In terms of the frequency of using graduate services, most had used the service once (36.8% ) Regarding expectations of the quality of graduate services, the average ratings were as follows: Service Staff (Mean = 4 . 26, SD = 0 . 604), Service Outcomes (Mean = 4.22, SD = 0.621), Service Processes and Procedures (Mean = 4.17, SD = 0.507), and Facilities (Mean = 4.06, SD = 0.696), with an overall expectation mean of 4.17 (SD = 0.569). Opinions on the quality of these services were rated higher, with Service Outcomes (Mean = 4.69, SD = 0.222) being the highest, followed by Service Staff (Mean = 4.38, SD = 0.224), Service Processes and Procedures (Mean = 4.33, SD = 0.191), and Facilities (Mean = 4.19, SD = 0.401), resulting in an overall opinion mean of 4.28 (SD = 0.155). The study also identified that different factors significantly impacted expectations of service quality, such as age (41 – 50 years), work experience (11 – 15 years), and the pursuit of a Master’s degree in Public Administration. Additionally, overall expectations were positively correlated with opinions on all aspects of service, including Facilities (r = 0.961), Opinion on Facilities (r = 0.598), Opinion on Service Outcomes (r = 0.475), and Overall Opinion (r = 0.775). Based on these findings, it is recommended that the Graduate Studies Office enhance its facilities by providing up-to- date and sufficient technological equipment, such as computers and electronic media, to facilitate information retrieval. Moreover, maintaining cleanliness in the service areas will improve the overall convenience for users	th_TH