DSpace Repository

ประสิทธิภาพของการใช้ยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิดในการเพิ่มปริมาณปัสสาวะ ในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง

Show simple item record

dc.contributor.author ระวีวรรณ วิฑูรย์ th
dc.contributor.author สมชาย ยงศิริ th
dc.contributor.author พัชริน แน่นหนา th
dc.contributor.author ศิริวดี บุญมโหตม์ th
dc.contributor.author ประพันธ์ บุรณบุรีเดช th
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะแพทยศาสตร์
dc.date.accessioned 2019-03-25T09:08:33Z
dc.date.available 2019-03-25T09:08:33Z
dc.date.issued 2558
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1674
dc.description.abstract การรักษาให้ร่างกายอยู่ในสภาวะดุลย์น้ำและเกลือแร่เป็นหัวใจสำคัญในการดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง ยาขับปัสสาวะถูกนำมาใช้เป็นยาหลักเพื่อรักษาภาวะน้ำเกิน การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการให้ยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิดเพื่อเพิ่มปริมาณปัสสาวะให้แก่ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง วิธีการวิจัย: ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องจำนวน 51 ราย ถูกแยกเป็น 2 กลุ่มโดยการวิธีการสุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิด (Furosemide 1000 มก. + spironolactone 50 มก.+ HCTZ 100 มก.) และกลุ่มที่ได้รับยาขับปัสสาวะเพียงหนึ่งชนิด (Furosemide 1000 มก) เก็บข้อมูลพื้นฐาน โรคร่วม ยาประจำ ความดันโลหิต น้ำหนักตัว ข้อมูลการล้างช่องท้อง ปริมาณปัสสาวะต่อวัน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพื้นฐาน ผู้ป่วยทุกรายได้รับการตรวจวัดสารนำด้วยเครื่อง bioimpedance วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ที่เดือนที่ 3 และเดือนที่ 6 ของการศึกษาโดยใช้ student paired t-test เปรียบเทียบความแตกต่างของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่ม รายงานผลในรูป mean + SD ผลการศึกษา: ที่ก่อนเริ่มการวิจัยปริมาณปัสสาวะ 24 ชั่วโมง ค่าความเพียงพอของการล้างไตทางช่องท้อง (Ccr และ Kt/V urea) ไม่ต่างกันในผู้ป่วยทั้งสอง กลุ่ม เมื่อติดตามไปที่เดือนที่ 3 และ 6 ของการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิดมีปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (386.32±733.92 vs. 136.25±629.08 มิลลิลิตร และ 311.58 ±640.31 vs 120.00±624.07 มิลลิลิตร; p<0.001, p<0.001) ค่าการขจัดโซเดียมทางปัสสาวะมีค่าเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่ได้รับยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิดแต่ลดลงในกลุ่มควบคุมที่ 3 เดือน (+140.96 + 377.80 vs -6.51 + 65.25; p =0.08) ที่เดือนที่ 6 ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มขจัดโซเดียมทางปัสสาวะได้เพิ่มขึ้น โดยกลุ่ม intervention ขจัดได้เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ไม่พบนัยส้าคัญทางสถิติ (p=0.47).การวิจัยนี วัดค่า over-hydration โดยเครื่อง BCM พบว่ากลุ่มที่ได้รับยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิดมีค่า over-hydration น้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทั้งที่ 3 และ 6 เดือน (-0.44 + 1.62 vs -1.84 + 2.27; p=0.030 and -0.48 + 2.61 vs -1.49 + 2.82; p= 0.02 ) ค่าความดันโลหิต ชีพจร น้าหนักตัว คงที่ตลอดการศึกษา และปริมาณกลูโคสจากน้ำยาล้างช่องท้องมีค่าเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกันในผู้ป่วยทั้งสองกลุ่ม สรุป: การให้ยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิดสามารถเพิ่มปริมาณปัสสาวะและช่วยควบคุมสมดุลน้ำจากการประเมินโดย BCM รวมถึงมีแนวโน้มเพิ่มการขจัดโซเดียมทางปัสสาวะ จึงน่าจะมีประโยชน์ในการน้ำมาใช้รักษาภาวะน้ำเกินในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องได้ th_TH
dc.description.sponsorship งานวิจัยฉบับนี้ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสานักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ประเภทงบประมาณแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 en
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject ผู้ป่วยไต th_TH
dc.subject ยาขับปัสสาวะ th_TH
dc.subject สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ th_TH
dc.title ประสิทธิภาพของการใช้ยาขับปัสสาวะร่วมกันสามชนิดในการเพิ่มปริมาณปัสสาวะ ในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง th_TH
dc.title.alternative A randomized controlled trial on triple diuretics in peritoneal dialysis en
dc.type Research
dc.year 2558
dc.description.abstractalternative Adequate fluid and sodium balance is crucial for management of CAPD patients. Diuretic drugs are commonly prescribed to manage hypervolemia. The aim of this study was to determine the efficacy of triple diuretics on enhancing of urine volume. Methods: Fifty-one CAPD patients were randomly assigned to triple diuretic (furosemide 1000 mg + spironolactone 50 mg + HCTZ 100 mg) or single diuretic (Furosemide 1000 mg).The effects of demographic features, comorbidity, medications, blood pressure, body weight, PD data, residual renal function, blood chemistry, urine chemistry and 24 hour urine volume were recorded. Total body water was measured by BCM. Data was collected at baseline, 3rd month and 6th month. Results were analyzed by student t-test for paired results and expressed as mean + SD Results: 24 hours urine volume, Ccr, Kt/V urea were similar at randomization. At 3rd and 6th month urine volume was significantly increased in triple diuretic-treated group more than control group (386.32±733.92 vs. 136.25±629.08 and 311.58 ±640.31 vs 120.00±624.07; p<0.001, p<0.001). Urinary sodium excretion increased in the intervention group and declined in the control group at 3rd month of study (+140.96 + 377.80 vs -6.51 + 65.25; p =0.08) and at 6th month urinary sodium excretion of intervention group was higher than control group but the difference did not reach a statistically significant (p=0.47).Over-hydration (OH) was measured by BCM, triple diuretic- treated group had significantly decreased over-hydration compared with control group at 3rd and 6th month (-0.44 + 1.62 vs -1.84 + 2.27; p=0.030 and -0.48 + 2.61 vs -1.49 + 2.82; p= 0.02 ).Blood pressure and body weight remained constant in both groups. At 6th month, glucose exposure from PDF was increased similarly (21.46±34.21 in control group and 21.32±42.29 in intervention group). Conclusions: Triple diuretic produces a significant increase in urine volume and result in improvement of fluid balance measured by BCM. Urine Na and K trend toward increase but no significantly. Triple diuretic therapy is useful for management excessive fluid in patients undergoing CAPD. en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account