Abstract:
จากที่ได้คัดเลือกเชื้อแอคติโนมัยซีทที่ได้แยกเชื้อได้ใหม่จากป่าชายเลนในจังหวัดชุมพร และป่าชายเลนปากแม่น้ำพังราด จังหวัดระยอง มาศึกษาเพื่อพัฒนาการผลิตเซลล์ เพื่อการวิเคราะห์หาสารต้านอนุมูลอิสระ ปริมาณกรดไขมัน และเพื่อการหาสูตรโครงสร้างของสาร พบแอคติโนมัยซีท จำนวน 16 และ 24 ไอโซเลตตามลำดับ จากการทดสอบการสร้างสารแอนติไบโอติกเบื้องต้นด้วยวิธี cross streak พบว่าแอคติโนมัยซีทที่พบจากปาชายเลนจังหวัดชุมพรให้สารยับยั้งจุลินทรีย์เพียง 2 ไอโซเลท ในขณะที่แอคติโนมัยซีทที่พบจาก ป่าชายเลนจังหวัดระยองพบ 4 ไอโซเลท แต่อย่างไรก็ดี ผลจากการศึกษาทางสัณฐานวิทยาและการวิเคราะห์ผนังเซลล์ทางเคมี โดยตรวจสอบชนิดของกรดไดอะมิโนไพมิลิค และน้ำตาลที่มีอยู่ในเซลล์ทั้งหมด พบว่า แอคติโนมัยซีทที่พบจากทั้งสองบริเวณณนั้นอยู่ในแฟมิลี่ Micromonosporaceae เหมือนกันโดยจีนัสที่พบ ได้แก่ Micromonospora, salinispora, Spirilliplanes และ Virgisporangium เป้นต้น และจากการคัดเลือกแอคติโนมัยซีทที่สร้างสารแอนติไบโอติกที่ดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระ จำนวน 6 สายพันธุ์ คือ CH 54-8, A3-3, CP-PH 3-2, CP-PH 3-12, CH 8-4A และ RY 2-20 มาปรับปรุงสายพันธุ์ด้วยการเหนี่ยวนำด้วยแสงอัลตราไวโอเลต เป็นเวลา 15, 20 และที่ 25 นาที และคัดเลือกเฉพาะโคโลนีที่สร้างสารมากกว่าโคโลนีอื่น ๆ ออกมาทดสอบการเลี้ยงปริมาณมาก และสารสกัดแอนติไบโอติกเปรียบเทียบกับปริมาณของสารสกัดจากสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ไม่ผ่านแสงอัลตราไวโอเลต พบว่าส่วนมากแล้ว แต่ละสายพันธุ์มีการสร้างสารออกฤทธิ์ได้มากขึ้น แต่ไม่มากนัก ยกเว้น แอคติโนมัยซีท RY 2-20 ที่สร้างสารลดลง อย่างไรก็ดีพบว่า แอคติโนมัยซีท CP-PH3-12 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถสร้างสารที่สกัดได้จากทั้งภายในเซลล์ และที่สร้างออกมาในอาหารเลี้ยงเชื้อ มากขึ้นกว่าเดิม 6 เท่า และ 2 เท่า ตามลำดับหลังจากที่ได้เหนี่ยวนำด้วยแสงอัลตราไวโอเลต