dc.contributor.author |
วรรณวิชนี ถนอมชาติ |
|
dc.contributor.author |
วรรณภา วิจิตรจรรยา |
|
dc.contributor.other |
มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะการจัดการและการท่องเที่ยว |
|
dc.date.accessioned |
2019-03-25T09:04:31Z |
|
dc.date.available |
2019-03-25T09:04:31Z |
|
dc.date.issued |
2556 |
|
dc.identifier.uri |
http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1381 |
|
dc.description.abstract |
งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความต้องการศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตสาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์และอุตสาหกรรมสัมพันธ์ คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อสำรวจความคิดเห็นและความคาดหวังจากการศึกษาต่อในหลักสูตรฯ และเพื่อสำรวจความคิดเห็นภายใต้กรอบทรัพยากรสำคัญขององค์การ (VRIO framework) ๔ ด้าน ได้แก่ คุณค่า (Value) ความหายาก (Rareness) ความสามารถในการลอกเลียนแบบ (Imitability) และทรัพยากรในองค์การ (Organization) โดยเป็นการวิจัยแบบผสม (Mixed methods research) ซึ่งใช้เทคนิควิธีการวิจัยที่ผสมผสานร่วมกันระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ดำเนินการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามประกอบกับการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง กลุ่มตัวอย่างเป็นนิสิตชั้นปีที่สี่ คณะการจัดการและการท่องเที่ยว หมาวิทยาลัยบูรพา และผู้ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ถูกเลือกแบบกำหนดโควตา (Quota sampling) จำนวน ๓๘๔ คน ประกอบด้วย บุคคลที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน ๒๘๖ คน ผู้ที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ ๔ จำนวน ๙๑ คน และผู้สำเร็จการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรี จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญ จำนวน ๓ คน ซึ่งถูกเลือกโดยการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการวิจัย (Purposive sampling) ผลการสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความสนใจที่จะศึกษาต่อในหลักสูตรฯ มีจำนวนมากถึง ร้อยละ ๖๐.๕๐ ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ผู้ให้ความสนใจในหลักสูตรฯ ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง ๒๐-๒๕ ปี รองลงมามีอายุประมาณ ๒๖-๓๐ ปี อายุ ๓๑-๓๕ ปี และอายุมากกว่า ๓๕ ปี ตามลำดับ ทั้งนี้ จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความสนใจในหลักสูตรฯ เรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ นิสิตชั้นปีที่ ๔ พนักงานบริษัท ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว พนักงานรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ ตามลำดับ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า สาเหตุอันดับแรกที่ผู้ตอบแบบสอบถามไม่สนใจที่จะศึกษาต่อในหลักสูตรฯ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง รองลงมาคือไม่สะดวกต่อการเดินทาง และเวลาไม่เอื้ออำนวย ตามลำดับ ผลการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน ๓ ท่าน ด้วยแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างภายใต้กรอบแนวคิดทรัพยากรสำคัญขององค์การ (VRIO framework) พบว่า หลักสูตรมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งและยังไม่พบว่ามีการเปิดสอนโดยมหาวิทยาลัยแห่งใดภายในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หลักสูตรฯ ควรสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องกับแรงงานหรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาการเรียนการสอนร่วมกันในลักษณะการบูรณาการภาคทฤษฎีและการปฏิบัติ ตลอดจนสนับสนุนให้บุคคลากรทำวิจัย และศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมุ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันโดยอาศัยเครือข่ายของศิษย์เก่าและดึงดูดประธานสหภาพแรงงานในองค์การต่างๆ เข้ามาเรียนในหลักสูตรฯ ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษา เพื่อสร้างการบอกต่อกลุ่มเป้าหมายอื่นต่อไป
ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยมีความสอดคล้องกับความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ คือ หลักสูตรฯ ควรมีความเฉพาะเจาะจงและลงลึกในศาสตร์เฉพาะด้านทางด้านทรัพยากรมนุษย์และแรงงานสัมพันธ์ และควรมีการทำความร่วมมือกับองค์การของรัฐที่มีบทบาทสำคัญทางด้านแรงงาน ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรภายในหลักสูตร ดำเนินการศึกษาวิจัยในศาสตร์เฉพาะที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสนับสนุนให้บุคลากรภายในศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกในสาขาที่เกี่ยวข้องโดยตรงควบคู่ไปกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตรงตามตำแหน่งงาน ควรพิจารณาปรับโครงสร้างและการจัดการเรียนการสอนเพื่อเป็นหลักสูตรระยะสั้นโดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะให้กับบุคากรที่ทำงานทางด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแรงงานสัมพันธ์ |
th_TH |
dc.language.iso |
th |
th_TH |
dc.publisher |
คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา |
th_TH |
dc.subject |
การศึกษาต่อ |
th_TH |
dc.subject |
สาขาการศึกษา |
th_TH |
dc.title |
ความต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์และอุตสาหกรรมสัมพันธ์ |
th_TH |
dc.title.alternative |
Master of Science in Human Resource Management and Industrial Relation |
|
dc.type |
Research |
|
dc.year |
2556 |
|