DSpace Repository

การเปรียบเทียบการรับสัมผัสสาร Aromatic Hydrocarbon และรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่ปฏิบัติงานที่รับสัมผัสสารในเขตกรุงเทพมหานคร

Show simple item record

dc.contributor.author ศรีรัตน์ ล้อมพงศ์
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสาธารณสุขศาสตร์
dc.date.accessioned 2019-03-25T09:04:26Z
dc.date.available 2019-03-25T09:04:26Z
dc.date.issued 2557
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1323
dc.description.abstract งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง โดยมีการเปรียบเทียบการรับสัมผัสสาร Aromatic Hydrocarbon และรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพ ที่ปฏิบัติงานที่สัมผัสสารในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งตรวจวัดปริมาณระดับความเข้มข้นของสาร Aromatic Hydrocarbon ในบรรยากาศและ Metabolites รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตและอาการแสดง โดยจำนวนตัวอย่างทั้งหมดในการศึกษา มี 297 คน แบ่งเป้นกลุ่มศึกษา 227 คน และกลุ่มควบคุม 70 คน กลุ่มศึกษามีอายุเฉลี่ย 40.15 ปี และ 42.76 ปี สำหรับกลุ่มควบคุม กลุ่มศึกษามีสภาพการทำงานในแต่ละวันในหน้าที่หลักหรือประกอบอาชีพ นาน 8 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวันร้อยละ 89.5 และทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 34.8 มีการใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจทุกครั้งเพียง ร้อยละ 18.1 โดยส่วนใหญ่มีการใช้ผ้าปิดจมูก ร้อยละ 79.5 และรู้จักอันตรายจากการสัมผัสสาร Aromatic Hydrocarbon เพียงร้อยละ 12.3 เท่านั้น รูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มศึกษา มีการรับประทานอาหารเช้าครบ 5 หมู่ และรับประทานผักทุกวัน (ร้อยละ 65.6, 16.3 และ 19.4 ตามลำดับ) มีการนอนหลับ น้อยกว่า 6 ชั่วโมง ร้อยละ 48.9 มีความเครียดที่ทำงานหรือจากการประกอบอาชีพ ร้อยละ 78.4 เมื่อสิ้นสุดการทำงานของกลุ่มศึกษา พบว่า ตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 60 ที่ตอบว่ามีการเจ็บป่วยและอาการแสดงที่เป็นบางครั้งรวมกันบ่อย ๆ เกี่ยวกับเมื่อยล้าทั่วร่างกาย การรู้สึกเมื่อยล้าเฉพาะแขนขา ปวดศีรษะ รู้สึกหนักศีรษะ และไอ ในการเก็บตัวอย่างอากาศใช้ Organic Vapor Monitor (3< 2500) ติดตัวบุคคลในระดับการหายใจของกลุ่มศึกษา พบว่า กลุ่มศึกษามีค่าเฉลี่ย +- ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ Toluene 562.53+-253.54 ug/m3, Xylene 1,241.27 +-273.39 ug/m3, Acetone 17.53+-58.66 ug/m3 และ Ethy1 benzene 488.62+-310.71 ug/m3 และมีการเก็บตัวอย่างปัสสาวะหลังสิ้นสุดการทำงาน พบว่า กลุ่มศึกษามีค่าเฉลี่ย +- ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ Hippuric 258.98+-284.13 mg/g creatinine และ Methylhippuric acid 5.69+-16.94 mg/g creatinine นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของปริมาณระดับความเข้มข้นของสาร Aromatic Hydrocarbon (Toluene, Xylene และ Ethyl benzene) ระหว่างกลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุม พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p=0.008,<0.001 และ 0.028 ตามลำดับ) จากผลการศึกษานี้ทำให้ตระหนักได้ว่า กลุ่มศึกษามีการสัมผัสสาร Toluene, Xylene, Acetone และ Ethy1 benzene ในขณะทำงานและควรจัดให้มีโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพและการอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจถึงอันตรายและวิธีการป้องกัน รวมถึงการแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป th_TH
dc.description.sponsorship โครงการวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากงบประมาณเงินรายได้ (เงินอุดหนุนจากรัฐบาล) มหาวิทยาลัยบูรพา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 en
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject ผู้ประกอบการ th_TH
dc.subject สุขภาพ - - การประเมินความเสี่ยง th_TH
dc.subject สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ th_TH
dc.title การเปรียบเทียบการรับสัมผัสสาร Aromatic Hydrocarbon และรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่ปฏิบัติงานที่รับสัมผัสสารในเขตกรุงเทพมหานคร th_TH
dc.title.alternative The Comparison of Aromatic Hydrocarbon Exposure and Life Style for Evaluation of Health Impact among Occupational Exposure Workers In Bangkok en
dc.type Research
dc.year 2557
dc.description.abstractalternative This research was a cross sectional study. The objectives were to evaluate aromatic hydrocarbon exposure, metabolites, symptoms and life style among occupational exposure workers in Bangkok. We sampled 297 persons; 227 cases who worked as occupational exposure workers and 70 as a controllers. Mean of age of the cases was 40.15 years; controller mean age was 42.76 years. Eighty nine point five percent of the case group worked more than 8 hours per day, 7 days per week (34.8%) and eighteen point one percent always used respiratory protection; however, most of them used only cotton masks (79.5%). Twelve point three percent of the cases knew about the hazardour of aromatic hydrocarbon. The pattern of life style of the study group comprised breakfast, with five groups of essential element and consume vegetable everyday (65.6%, 16.3% and 19.4%, respectively), sleepiness less than 6 hours per day (48.9%) and the Stress (78.4%). When they finished working, more than 60% of the case showed symptoms including body fatigue, fatigue only arms and legs, headache, heavy headache and cough. In collecting the air samples a personal “Organic Vapor Monitor (3M 3500)” was attached to the shirt in front of the chest level of the cases, Results of the study group showed average +- SD measures of Toluene 562.53+- 253.54 ug/m3, Xylene 1,241.27+- 273.39 ug/m3 Acetone 17.53+ - 58.66 ug/m3 Ethyl benzene 488.62+- 310.71 ug/m3 Urine samples were collected after the work shift. Results of urine samples showed average +- SD of Hippuric acid 258.98 +-284.13 mg/g creatinine and Methylhippuric acid 5.69+- 16.94 mg/g creatinine. The average comparison of concentration of Aromatic Hydrocarbon (Toluene, Xylene and Ethyl benzene) were significantly different between the study and control groups at level 0.05 (p= 0.008, <0.001 and 0.028, respectively). The subjects of this study were occupational exposure workers in Bangkok; nevertheless we should be concerned about their exposure to Toluene. Xylene, Acetone and Ethyl benzene while working and there should be health promotion program and organizing the training in order to gain the knowledge and understanding the hazard and the protection. Furthermore, they should be recommended about the of the correct and suitable respiration protective equipment en


Files in this item

Files Size Format View

There are no files associated with this item.

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account