Abstract:
บทสรุปผู้บริหาร
ลักษณะปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย
การตีตราทางสังคมและการแบ่งแยกผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์เป็นอุปสรรค์ขัดขวางการเข้าถึงการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีและการปรึกษาของประชาชนกลุ่มเสี่ยง การรักษาและการบริการสุขภาพสำหรับผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ ซึ่งการตีตราทางสังคมและการแบ่งแยกผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์เป็นปัญหาที่พบทั่วไปในระดับบุคคล สังคมและชุมชน มีสาเหตุมาจากความกลัวการติดเชื้อจากการสัมผัสปกติ กลัวการถูกตำหนิ การตัดสินคุณค่าและการทำให้อาย จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการดำเนินงานเอดส์ในโรงพยาบาลหรือสถานบริการสุขภาพเพื่อช่วยเพิ่มการเข้าถึงการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี การรักษาด้วยยาต้านไวรัส การรักษาสุขภาพแบบองค์รวม การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์
การพัฒนาสมรรถนะผู้ที่เกี่ยวข้อง
กิจกรรมโครงการควรเน้นการลดความกลัว การเพิ่มความตระหนัก การป้องกัน universal precaution และวัดผลที่เกิดจากโครงการ เช่น ความรู้เกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวี ทัศนคติต่อผู้ติดเชื้อ พฤติกรรมการรังเกียจ การรับรู้การตีตราทางสังคมและการแบ่งแยก ดังนั้นการดำเนินการรูปแบบบริการที่มีประสิทธิภาพ (Effective Intervention) จึงควรทำความเข้าใจถึงปัญหาความต้องการ และศักยภาพของผู้ติดเชื้อและเจ้าหน้าที่สุขภาพโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกและการสังเกตการบริการสุขภาพเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการบริการสุขภาพที่เป็นมิตรกับผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ (Friendly health service for people living with HIV/AIDS) ที่สอดคล้องกับบริบทของผู้ให้บริการสุขภาพที่เป็นมิตรกับผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์และการพัฒนาตัวชี้วัดในการติดตามประเมินผลสำหรับโรงพยาบาลหรือสถานบริการสุขภาพ เขตจังหวัดชลบุรี
สัมฤทธิ์ผลของโครงการ
โครงการนี้ศึกษามาจากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การระดมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านเอดส์จำนวน 26 คน ประกอบด้วยนักวิชาการสาธารณสุข นักสังคมสงเคราะห์ อาจารย์ด้านพยาบาลศาสตร์และเภสัชศาสตร์ พยาบาลวิชาชีพ และผู้ติดเชื้อเอชไอวีผู้ป่วยเอดส์ จากมหาวิทยาลัยของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐและเอกชน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรศาสนา ชมรมผู้ติดเชื้อ มูลนิธิช่วยเหลือเด็กและสตรี ศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ และองค์กรเอกชนในจังหวัดชลบุรี
รูปแบบการให้บริการสุขภาพที่สังเคราะห์ได้ในการศึกษานี้คือรูปแบบการบริหารสุขภาพที่เป็นมิตรกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัว ซึ่งโครงสร้างประกอบด้วย 5 มิติหลัก และ 4 มิติย่อย ดังนี้
1. การเข้าถึงบริการสุขภาพ (Access to Care Services)
2. การตรวจเลือดและการให้บริการปรึกษา (Testing and Counseling)
3. การเก็บรักษาความลับ (Confidentiality)
4. การควบคุมการติดเชื้อ (Infection Control)
5. คุณภาพการดูแล (Quality of Care)
ภายใต้แต่ละมิตินี้ประกอบไปด้วย 4 มิติย่อย คือ
1. การปฏิบัติ (การปฏิบัติการดูแลและพฤติกรรมของบุคลากรทางสุขภาพ)
2. การฝึกอบรม (การสร้างและคงไว้ซึ่งศักยภาพของบุคลากรในการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน)
3. การประกันคุณภาพ (กลไกการติดตามและควบคุมการปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน)
4. นโยบาย (กฎระเบียบของสถาบันและข้อปฏิบัติที่กระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน)
การดำเนินการต่อเนื่อง
แนวปฏิบัติการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัวตามรูปแบบการบริการสุขภาพที่เป็นมิตร เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัว และบุคลากรสุขภาพ 5 สาขา และอาสาสมัคร ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ เภสัชกร นักสังคมสงเคราะห์ และอาสาสมัครผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยบุคลากรสุขภาพและอาสาสมัครที่ผ่านการอบรมแล้วให้บริการทั้งในและนอกสถานบริการสุขภาพ ซึ่งในสถานบริการสุขภาพให้บริการตั้งแต่ด่านแรก แผนกรับผู้มาบริการ แผนกให้บริการปรึกษา แผนกเจาะเลือด แผนกตรวจรักษา แผนกจ่ายยา และชมรมผู้ติดเชื้อ รูปแบบการบริการประกอบด้วยการให้ความรู้ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ให้บริการปรึกษาสำหรับกลุ่มเสี่ยง บริการตรวจเจาะเลือด บริการตรวจรักษา ให้ยาด้านไวรัส กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน บริการเยี่ยมครอบครัวผู้ติดเชื้อโดยอาสาสมัคร และกรส่งต่อผู้ติดเชื้อไปรับบริการด้านสังคมเศรษฐกิจจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือระบบส่งต่อจากชุมชนสู้สถานบริการสุขภาพ
ข้อจำกัด
รูปแบบการบริการสุขภาพที่เป็นมิตรเพื่อการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัวยังไม่ได้ผ่านการทดลองใช้จริงตามบริบทของแต่ละหน่วยงานในจังหวัดชลบุรี เนื่องจากยังขาดการสนับสนุนทั้งด้านนโยบายละงบประมาณ จึงยังไม่สามารถเข้าถึงปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติการได้อย่างไรก็ตามรูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่เคยใช้มาแล้วได้ผลในบริบทอื่น
ข้อเสนอแนะ
1. โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการสุขภาพควรพัฒนาระบบริการสุขภาพที่เป็นมิตรเพื่อการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัวที่เน้นการเข้าถึงบริการสุขภาพ การตรวจเลือด และการให้บริการปรึกษา การเก็บรักษาความลับ การควบคุมการติดเชื้อ และคุณภาพการดูแลผู้รับบริการ
2. โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการสุขภาพควนปรับพฤติกรรมของบุคลากรทางสุขภาพสู่บริการที่เป็นมิตร การฝึกอบรมเพื่อการสร้างและคงไว้ซึ่งศักยภาพของบุคลากรในการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน
3. โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการสุขภาพควรบรรจุบริการสุขภาพที่เป็นมิตรเพื่อการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัวไว้ในการประกันคุณภาพโรงพยาบาล โดยสร้างกลไกกการติดตามและควบคุมการปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน
4. สาธารณสุขจังหวัดต้องประกาศนโยบายนี้และกำหนดกฎระเบียบของสถาบันและข้อปฏิบัติที่กระตุ้นให้เกิดการปฎิบัติที่เป็นมาตรฐาน และพัฒนาระบบส่งต่อผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์ของจังหวัด
5. โรงพยาบาลหรือหน่วยงานบริการสุขภาพกำหนดการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัว และบุคลากรสุขภาพ 5 สาขา และอาสาสมัคร ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ เภสัชกร นักสังคมสงเคราะห์ และอาสาสมัครผู้ติดเชื้อเอชไอวี