กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17466
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorจิตรลดา ปิ่นทอง-
dc.date.accessioned2025-06-24T02:39:19Z-
dc.date.available2025-06-24T02:39:19Z-
dc.date.issued2567-
dc.identifier.urihttps://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17466-
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวรายได้ดีที่มีผลต่อศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดชลบุรีสำหรับนักท่องเที่ยวรายได้ดี รวมทั้งศึกษาความพร้อมของศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและวางกลยุทธ์ทางการการตลาดที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดชลบุรีและพื้นที่เชื่อมโยง เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ใช้วิธีการสำรวจด้วยแบบสอบถามและเก็บข้อมูลจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติรายได้ดีที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดชลบุรี ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบโควตา (Quota Sampling) ไปยังพื้นที่ที่ศึกษา 8 พื้นที่ ได้แก่ บางแสน บางพระ ศรีราชา เกาะสีชัง บางละมุง พัทยา บางเสร่ และสัตหีบ โดยเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 386 ตัวอย่าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) โดยการหาค่าความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพื่ออธิบายลักษณะทางด้านประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง และวิเคราะห์ระดับความคาดหวังและระดับความสำคัญของแรงจูงใจการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงพหุคูณเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรอิสระ นอกจากนั้นผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) แนวปรากฎการณ์วิทยา โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวและบริการเชิงสุขภาพ จังหวัดชลบุรี จำนวน 8 คน เพื่อศึกษาความพร้อมของศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของการสร้างแนวทางในการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิงจำนวน 184 คน อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25 - 34 ปี มีระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรี โดยมีรายได้ประมาณ 25,001 – 50,000 บาท ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดชลบุรี ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ในขณะที่ชาวต่างชาติมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินทางมาท่องเที่ยวกับเพื่อน โดยสอบถามข้อมูลด้านการท่องเที่ยวจากเพื่อนหรือครอบครัว และปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จ. ชลบุรี คือ ปัจจัยด้านราคา ความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงจูงใจผลัก พบว่า ในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก โดยแรงจูงใจผลักไปสถานที่แปลกใหม่ มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ในขณะที่แรงจูงใจดึง พบว่า ในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก โดยแรงจูงใจดึงเรื่องเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ (แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น) มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดชลบุรี พบว่า ในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก โดยแหล่งท่องเที่ยวมีสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด และความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดชลบุรี พบว่า ในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก โดยนักท่องเที่ยวอยากจะแนะนำเพื่อนให้ไปแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เคยไปมา มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด จากการวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงพหุ พบว่าปัจจัยด้านแรงจูงใจ ได้แก่ ปัจจัยผลัก และปัจจัยดึง มีอิทธิพลเชิงบวกต่อศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดชลบุรี ศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดชลบุรี พบว่ามีเพียง 3 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ปัจจัยด้านวัฒนธรรม และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของนักท่องเที่ยวรายได้ดี นากจากนั้นจังหวัดชลบุรีมีความพร้อมด้านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นโยบายภาครัฐ และด้านการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ในการการพัฒนาศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐควรมีวางแผนในการจัดสรรงบประมาณด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติth_TH
dc.language.isothth_TH
dc.subjectการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพth_TH
dc.subjectการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนth_TH
dc.subjectการท่องเที่ยว -- แง่อนามัยth_TH
dc.titleแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวรายได้ดี ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกth_TH
dc.title.alternativeThe development guidelines of wellness tourism for affluent tourists in the Eastern Economic Corridorth_TH
dc.typeResearchth_TH
dc.year2567th_TH
dc.description.abstractalternativeThis research aims to study the motivations of affluent tourists which affect the potential for wellness tourism and decision-making to travel in Chonburi province for affluent tourists. Additionally, it aims to study the readiness of wellness tourism potential in Chonburi province to provide guidelines for developing marketing strategies that can attract tourists to travel for health tourism in Chonburi province and adjacent areas. A mixedmethods research was applied in this research. The survey was used for quantitative research to gather data from affluent Thai and foreign tourists who travel for wellness tourism in Chonburi province. A total of 386 responses were collected from eight areas, including Bangsaen, Bang Phra, Si Racha, Koh Si Chang, Bang Lamung, Pattaya, Bang Sai, and Sattahip by quota sampling. The data were analyzed using descriptive statistics to explain the demographic characteristics of the respondents, and regression analysis was used to test the relationship between independent and dependent variables. In addition, 8 stakeholders were interviewed about the readiness of wellness tourism potential to enhance competitiveness as a guideline for developing wellness tourism potential in the Eastern Economic Corridor. The research findings indicate that the majority of respondents were females aged between 25 and 34 years old, with bachelor's degree education, and an income of approximately 25,001 – 50,000 Baht, working in private companies. Most of them were Thai tourists, while most of the foreigners came from Southeast Asia. They traveled with friends and received the information from friends or family. Price was a significant factor influencing decision-making in traveling wellness tourism. Moreover, Overall, there is a high level of agreement, with novelty as the most significant motivational factor. Regarding perceptions of wellness tourism potential in Chonburi province, respondents highly rate the relaxing environment as the most significant factor. For decision-making in traveling wellness tourism in Chonburi province, tourists are most likely to recommend places they have visited before to others. Regression analysis results show that motivational factors, including push and pull factors, positively influence the potential for wellness tourism in Chonburi province. In addition, wellness tourism potential influences decision-making in traveling in Chonburi province. The three factors influencing decision-making are natural tourism resources, cultures, and environment and safety. The readiness of Chonburi province in terms of cooperation between the public sector, private sector, and community, promoting ค marketing, and public relations, developing economic, social, and political policies, and community participation, developing economic, social and political policies, and community participation was important in developing the potential of wellness tourism. This means that government agencies and marketing managers should plan to allocate a budget for marketing and public relations to create awareness of wellness tourism among Thai and foreign touriststh_TH
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
2569-026.pdf1.3 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น